eatpraylive images

Discover Best eatpraylive Images of World

#food #travel #sports #news #april #tuesday

วันนี้…ในอดีต ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 29 เมษายน ปี ค.ศ. 2011 หรือ พ.ศ. 2554 ของบ้านเรา เป็นวันดีที่พสกนิกรชาวอังกฤษต่างตื่นเต้นยินดีกันถ้วนหน้า เนื่องจากเป็นวันพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียมกับแคเธอริน มิดเดิลตัน สาวสามัญชนที่คว้าหัวใจของเจ้าชายหนุ่มรูปงามไปครองประดุจเรื่องในเทพนิยาย เจ้าชายวิลเลียม ทรงพบกับแคเธอริน มิดเดิลตัน เมื่อทั้งคู่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยเซนต์ แอนดรูวส์ ที่สกอตแลนด์ โดยพบกันครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2001 และเริ่มคบหากันในปี ค.ศ. 2003 นานหลายปีกว่าที่จะมีข่าวลั่นระฆังวิวาห์ ในขณะนั้น…เจ้าชายวิลเลียมทรงอยู่ในลำดับที่สองของการสืบทอดราชบัลลังก์ของราชวงศ์วินด์เซอร์ พระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียมกับแคเธอริน มิดเดิลตัน จึงเป็นพระราชพิธีชั้นรอง พระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียมกับแคเธอริน มิดเดิลตัน จัดขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน มีประชาชนนับล้านรอคอยอยู่สองข้างทางระหว่างพระราชวังบัคกิงแฮมและมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เพื่อชื่นชมพระบารมีของเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าสาวของพระองค์ สิ่งหนึ่งที่ประชาชนเฝ้ารออย่างใจจรดใจจ่อ คือการปรากฏตัวของเจ้าสาวเมื่อมาถึงที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ แคเธอริน มิดเดิลตัน ปรากฏกายขึ้นในชุดเจ้าสาวสีงาช้างตกแต่งด้วยลูกไม้จากเบลเยี่ยมและฝรั่งเศส จากฝีมือการออกแบบของซาราห์ เบอร์ตัน (Sarah Burton) ดีไซน์เนอร์จากห้องเสื้อชั้นสูง Alexander McQueen ซึ่งเป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษ ก่อตั้งโดย Alexander McQueen ดีไซน์เนอร์ชาวอังกฤษเช่นกัน ในปี 2024 นี้…ครบรอบ 13 ปีของชีวิตสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียม ที่ปัจจุบันทรงเป็นรัชทายาท ดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ (Prince of Wales) เคียงข้างเจ้าหญิงแห่งเวลส์ (Princess of Wales) พระชายา พร้อมพระโอรสพระธิดาอีกสามพระองค์ เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา…ทั่วโลกต่างช็อกเมื่อเจ้าหญิงแคเธอรีนได้ทรงเปิดเผยด้วยพระองค์เองว่าทรงประชวรด้วยโรคมะเร็งในระยะเริ่มแรก และกำลังเข้าสู่กระบวนการรักษาด้วยเคมีบำบัด ข่าวร้ายนี้สร้างความตระหนกตกใจไม่ใช่แค่กับพสกนิกรชาวอังกฤษเท่านั้น แต่กับผู้คนทั่วโลก ขอถือโอกาสนี้ เป็นอีกหนึ่งกำลังใจ…ขอให้พระองค์ทรงฝ่าฟันมรสุมร้ายในชีวิต หายประชวรจากโรคร้ายนี้ในที่สุด #EatPrayLive #วันสำคัญ #29เมษายน #เจ้าชายวิลเลียม #เจ้าหญิงเคท #พระราชพิธีเสกสมรส

4/30/2024, 1:00:00 PM

ศุภร บุนนาค นามปากกาและชื่อจริง นามสกุลจริงของคุณศุภร (ศิวะศริยานนท์) บุนนาค เกิดในปี พ.ศ. 2464 ในช่วงต้นรัชสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นธิดาของศาสตราจารย์ พระวรเวทย์พิสิฐ เริ่มต้นการศึกษาที่โรงเรียนเสาวภา โรงเรียนสตรีวิทยา โรงเรียนราชินี เป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่นที่หนึ่ง และจบปริญญาตรีอักษรศาสตร์บัณทิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นคนสนใจทางด้านร้อยกรองทั้งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน มาตั้งแต่เด็ก ทำให้ท่านรักการอ่านการเขียน เริ่มเขียนผลงานชิ้นแรกขึ้น เป็นงานเขียนเรื่องสั้นชื่อ ‘ผ้าไหมผืนใหม่’ ตามมาด้วยเรื่องสั้นเรื่องที่สอง ‘วลัยกรมรกต’ ทั้งสองเรื่องได้ลงพิมพ์ใน ‘โฆษณาสาร’ ที่คุณชอุ่ม ปัญจพรรค์ เป็นบรรณาธิการ ในปี พ.ศ. 2493 ทำให้นามปากกา ‘ศุภร บุนนาค’ เริ่มเป็นที่รู้จัก และมีผลงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ‘ศุภร บุนนาค’ มีผลงานการประพันธ์ไม่มากนัก มีนวนิยายเรื่องยาวเพียงแค่ 10 เรื่อง แต่ทุกเรื่องเป็นที่ชื่นชอบของนักอ่าน ได้รับความนิยมตลอดมา นวนิยายเรื่องยาวเรื่องแรกของท่าน คือ ‘ปาริชาติลวง’ พิมพ์ขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2497 และ ‘ขอบฟ้าฤาจะกั้น’ คือนวนิยายเรื่องสุดท้ายในปี พ.ศ.2519 ‘รถเมล์สายพระพุทธบาท’ เป็นอีกหนึ่งผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่าน งานเขียนชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์รวมเล่มเป็นครั้งแรกในช่วงปี พ.ศ. 2510 เรื่องราวของหญิงสาวสวยแปลกตาชื่อ ลำเพาพักตร์ ผู้มีชีวิตปากกัดตีนถีบ ขายของอยู่ริมถนนแถวสระบุรี จนวันหนึ่ง…จับพลัดจับผลูได้มาเป็นภรรยาของผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง ทำให้ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ วันนี้…29 เมษายน เป็นวันคล้ายวันเกิดของ ‘ศุภร บุนนาค’ เมื่อปี พ.ศ. 2464 เลยขอนำประวัติชีวิตและผลงานการประพันธ์ของท่าน ที่มีความละมุน ละเมียดละไมในสำนวนและภาษาตามแบบฉบับวรรณกรรมยุคคลาสสิก มานำเสนอกันในวันนี้…ด้วยความเคารพและศรัทธา #EatPrayLive #วันเกิด #29เมษายน #หนังสือ #วรรณกรรม #วรรณกรรมคลาสสิก #นวนิยาย #ศุภรบุนนาค #รถเมล์สายพระพุทธบาท #พศ2464

4/29/2024, 1:00:00 PM

ปกสวย ปกสวยครั้งนี้เป็นของนิตยสารพลอยแกมเพชร ปีที่ 25 ฉบับที่ 582 / 30 เมษายน พ.ศ. 2559 เนื่องในโอกาสครบรอบ 66 ปี วันราชาภิเษกสมรสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยภาพบรมพระฉายาลักษณ์ของสองพระองค์ท่าน ย้อนกลับไปวันนี้เมื่อ 73 ปีที่แล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (พระอิสสรยศในขณะนั้น) ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ วังสระปทุม ในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 นับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ที่ทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย โดยผู้ประกอบพระราชพิธีตามกฎหมายให้นั้นคือ นายฟื้นบุญ ปรัตยุทธ นายอำเภอปทุมวันเป็นนายทะเบียน และมีพยาน 2 คนคือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี และ พล.อ. มังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในเวลา 9.30 น. และในช่วงเวลาระหว่างเวลา 10.24 น. ถึงเวลา 12.10 น. สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จออกห้องพระราชพิธีถวายน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนตร์แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงรดน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนตร์แด่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสตามโบราณราชประเพณี เสร็จแล้วเสด็จลงห้องรับแขก โปรดเกล้าฯให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาสมเด็จพระอัครมเหสีเป็น สมเด็จพระราชินี เหตุการณ์ประวัติศาสตร์พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส และเรื่องราวพระราชปฏิพัทธ์ของทั้งสองพระองค์ ได้ถูกอัญเชิญนำมาเสนอในนิตยสารเล่มนี้ ด้วยบทความต่างๆ อาทิ บทความ ‘66 ปี ราชาภิเษก’ และ ‘66 ปี คู่บุญบารมี จักรีเกริกฟ้า’ และเนื่องจากวันนี้คล้ายวันพระราชพิธีราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงขอนำเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในวันนี้ มานำเสนอ ด้วยความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อปวงชนชาวไทยเสมอมา #EatPrayLive #ปกสวย #วันสำคัญ #28เมษายน #ราชาภิเษก #หนังสือ #นิตยสารพลอยแกมเพชร

4/28/2024, 1:00:00 PM

ของอร่อย ในปัจจุบัน…น้ำอัดลมมีเหลืออยู่เพียงไม่กี่ยี่ห้อ คงเป็นเพราะกระแสหรือเทรนด์ของการบริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคหลังๆ ด้วยการหันมาใส่ใจกับการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้นกว่าเดิม การดื่มน้ำอัดลมจึงกลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยต่อชีวิต และไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพที่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ ก็ควรหลีกเลี่ยง แต่วันนี้…ขออนุญาตสวนกระแส พาย้อนกลับไปในอดีตกับน้ำอัดลมรสหวานซ่าชื่อว่า ‘ซาสี่’ หรือ Sarsi ที่เวลาซื้อจากร้านขายของชำใกล้บ้าน เราจะได้ ‘ซาสี่’ ใส่น้ำแข็งเย็นเจี๊ยบมาในถุงพลาสติก รัดมุมปากถุงด้วยหนังยางเอาไว้คล้องกับนิ้วสำหรับหิ้วกลับบ้าน ‘ซาสี่’ คือน้ำอัดลมสุดฮิตเมื่อประมาณ 40-50 ปีที่แล้ว ขายดิบขายดีแข่งกับน้ำอัดลมยี่ห้ออื่นๆ อย่างเป๊ปซี่ (Pepsi) โคคา โคล่า (Coca Cola) อาร์ซี (RC) หรือไบเล่ (Bireley) ด้วยรสชาติและกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ตอนนั้นไม่รู้จริงๆ ว่า ‘ซาสี่’ นั้นเป็นน้ำอัดลมประเภทรูทเบียร์ (Root Beer) สกัดจากเปลือกไม้และรากไม้หลายชนิด แต่ที่สำคัญที่สุดมาจากต้น Sassafras ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับอบเชย มีถิ่นกำเนิดแถบตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอเมริกา อันเป็นที่มาของคำว่ารูท (Root) ส่วนคำว่าเบียร์ (Beer) นั้น ว่ากันว่าจริงๆ แล้วเป็นแค่การตั้งชื่อของผู้คิดค้นเพื่อทำการตลาดที่สหรัฐอเมริกาในตอนนั้น อารมณ์ประมาณว่าเพื่อให้ได้ฟีลเหมือนได้เสพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ใหญ่อะไรทำนองนั้น ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วรูทเบียร์ไม่มีส่วนผสมทั้งคาเฟอีนแบบโคล่า และไม่มีแอลกอฮอล์ หลายคนเมื่อได้ชิมรูทเบียร์จะกล่าวหาว่ารสชาติเหมือนยาหม่อง นั่นเป็นเพราะว่ารูทเบียร์มีส่วนผสมของน้ำมันระกำ (Wintergreen Oil) หนึ่งในส่วนผสมในน้ำมันแก้ปวดเมื่อยนั่นเอง ในปัจจุบัน…บ้านเราเหลือแต่รูทเบียร์กระป๋องยี่ห้อ A&W ที่ยังผลิตและวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ต และ ‘ซาสี่’ ที่หายไปจากท้องตลาดเป็นเวลานานหลายสิบปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เพิ่งกลับมาเปิดตัวอีกครั้งเมื่อสามสี่ปีที่ผ่านมา โดยบริษัท F&N ในกลุ่มบริษัท ไทย เบฟเวอเรจ นั่นเอง ด้วยขวดแก้วคลาสสิก จำหน่ายในราคาขวดละ 10 บาท เขียนมาถึงตรงนี้ ใครที่คิดถึงรสชาติหวานซ่าเหมือนยาแก้ไอของ ‘ซาสี่’ และกลิ่นที่ใครหลายๆ คนบอกว่าเหมือนกลิ่นยาหม่องบ้าง กลิ่นน้ำมันมวยบ้าง ก็ขอเชิญ ‘เลี้ยวขวา…เจอซาสี่’ กันได้เลย #EatPrayLive #ของอร่อย #เครื่องดื่ม #น้ำอัดลม #ซาสี่ #sarsi #รูทเบียร์ #หน้าร้อน #ซัมเมอร์ #เลี้ยวขวาเจอซาสี่

4/27/2024, 1:00:00 PM

ปีกทอง ท่ามกลางผลงานนับร้อยๆ เรื่องของนักประพันธ์สตรีระดับบรมครูของเมืองไทย เจ้าของรางวัล สปอ. จากผลงานเรื่อง ‘ตะวันตกดิน’ เจ้าของรางวัลซีไรต์ ในปี พ.ศ. 2528 จาก ‘ปูนปิดทอง’ และได้รับเกียรติยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ.2531 ‘ปีกทอง’ คืออีกหนึ่งผลงานที่ถึงแม้จะเข้มข้นในเนื้อหา แต่น้อยคนนักที่จะนึกถึงผลงานชิ้นนี้ของ ‘กฤษณา อโศกสิน’ ‘ปีกทอง’ เป็นเรื่องราวของภูวดล ชายหนุ่มที่ยากจนในวัยเด็ก เติบโตขึ้นมาด้วยชีวิตที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน แสวงหาความสุขสบายในชีวิต ด้วยรูปสมบัติบวกกับความสามารถทางด้านภาษาต่างประเทศที่เขามี ภูวดลใช้เป็นบันไดในการไต่เต้าไปสู่ในสิ่งที่เขาอยากได้ อยากมี และอยากเป็น ใช้มันเป็นเครื่องมือในการสร้างเสน่ห์มัดใจผู้หญิงหลายต่อหลายคน ที่บังเอิญหลงเข้ามาในเส้นทางชีวิตของเขา ‘ปีกทอง’ เคยเป็นนิยายยอดนิยมครั้งเมื่อลงพิมพ์เป็นตอนๆ ในสตรีสาร ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2518 ถึง 2520 และหลังจากนั้นได้มีผู้นำไปทำเป็นละครโทรทัศน์ โดยคุณ นิรุตต์ ศิริจรรยา ที่หล่อเฟี้ยวสุดขีดในตอนนั้น รับบทเป็นภูวดล กลายเป็นละครยอดนิยมอีกหนึ่งเรื่องในเวลานั้น ทั้งๆ ที่นวนิยายเรื่องนี้ได้รับความนิยมทั้งในสตรีสาร และเมื่อนำมาทำเป็นละครโทรทัศน์ แต่น่าแปลกที่ ‘ปีกทอง’ ไม่ได้รับการพิมพ์รวมเล่มจนเวลาล่วงเลยผ่านมาถึงสิบปี ถึงได้พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์ลลนา ในปี พ.ศ. 2531 ด้วยภาพหน้าปกจากฝีมือการออกแบบของคุณไชยรัตน์ ณ บางช้าง มัณฑนากรที่เป็นคนคุ้นเคยกับนิตยสารลลนาเป็นอย่างดีในยุคนั้น ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหนจนนิยายเรื่องนี้มีอายุ 49 ปีแล้ว แต่ ‘ปีกทอง’ ยังคงเข้มข้นไปด้วยรสชาติแห่งวรรณศิลป์ และลีลาวรรณกรรมที่กระเทาะถึงแก่นของสันดานและอารมณ์ของมนุษย์ในสังคมที่บูชาวัตถุ จับใจคนอ่าน…ตั้งแต่บทแรกจนถึงบทสุดท้ายอย่างไม่เปลี่ยนแปลง …………………… ปัจจุบัน…นอกจากเฟซบุ๊กแล้ว ยังสามารถติดตาม Eat . Pray . Live ได้ที่ IG : @e.eat.p.pray.l.live Blockdit : https://www.blockdit.com/eat.pray.live และที่ช่องทางขายสินค้าออนไลน์ https://www.facebook.com/search/top?q=buy%20.%20sell%20.%20repeat สำหรับหนังสือมือสอง นิตยสารสะสม ของสะสม #EatPrayLive #หนังสือ #นวนิยาย #วรรณกรรมไทย #นักเขียน #เรื่องแปล #กฤษณาอโศกสิน #ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ #วรรณศิลป์ #ปีกทอง #นิตยสารลลนา #พศ2531 #สตรีสาร

4/26/2024, 1:00:00 PM

สาวเปรี้ยว…วันหวาน ชื่อ ‘เพ็ญพร ไพฑูรย์’ ในอดีต…หมายถึงนางแบบสุดฮอต ซูเปอร์โมเดลคนแรกๆ ของวงการแฟชั่นเมืองไทย และดารานักแสดงระดับนางเอกของวงการบันเทิงที่โด่งดังสุดขีดในช่วงยุค 70 ถึง 80 ‘เพ็ญพร ไพฑูรย์’ หรือที่ใครๆ ต่างเรียกเธอกันว่า ‘ติ๋ม’ นั้น เป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด ด้วยใบหน้าที่สวย เฉี่ยวคม และรูปร่างที่ผอมบางสมส่วน คุณติ๋ม เพ็ญพร ประสบความสำเร็จกับอาชีพนางแบบ ทั้งถ่ายแบบลงนิตยสารต่างๆ เดินแฟชั่นโชว์ของดีไซน์เนอร์ไทยในยุคนั้น เรียกว่าทุกโชว์ต้องมีคุณติ๋ม เพ็ญพร ยืนหนึ่งอยู่แถวหน้าทุกๆ ครั้ง รวมถึงงานถ่ายโฆษณาแฟชั่นเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆ อย่าง โซดา ป็อป และนิวซิตี้ และเป็นธรรมเนียมของนางแบบหรือซูเปอร์โมเดลในยุคนั้น ที่ต้องได้รับการชักชวนให้เข้าสู่วงการบันเทิง ซึ่งคุณติ๋ม เพ็ญพร เองก็เดินตามรอยนี้เช่นเดียวกัน แต่เส้นทางในวงการบันเทิงของเธอนั้นแสนสั้น เนื่องจากเธอไม่ชอบงานการแสดง และคิดว่าตัวเองนั้นไม่เหมาะกับอาชีพนักแสดง และยังทำได้ไม่ดีพอ เราจึงได้เห็นคุณติ๋ม เพ็ญพร เหนียวแน่นอยู่กับอาชีพนางแบบ ที่ยังคงเป็นตัวแม่ตัวท็อปของวงการ ได้รับความนิยมอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย และด้วยพื้นฐานของเด็กเพาะช่าง และเป็นคนช่างแต่งตัว เธอเลยค่อยๆเขยิบฐานะขึ้นมาเป็นแฟชั่น ดีไซน์เนอร์ให้กับห้องเสื้อบางแห่ง รวมถึงเปิดร้านเสื้อเป็นของตัวเองในชื่อ ‘เพ็ญพร’ ก็หลายครั้ง เป็นศิลปินวาดภาพ เปิดแกลอรี่ขายงานศิลปะ รวมถึงการทำนิตยสารด้วยการเป็นหนึ่งในทีมบรรณาธิการของนิตยสารโวค ที่นำทัพโดยคุณผกาวดี อุตตโมทย์ ในช่วงปี พ.ศ. 2523 แต่ดูเหมือนว่าชีวิตของเธอนั้นจะล้มลุกคลุกคลาน และไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่ และในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป เธอก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน เมื่อมีคลื่นลูกใหม่ในวงการนางแบบเข้ามาแทนที่ ข่าวคราวของเธอเงียบหายอยู่นานหลายสิบปี จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2560 เธอก็กลับมาเป็นที่สนอกสนใจอีกครั้ง เมื่อมีข่าวว่าเธอใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เช่าห้องพักราคาถูกเป็นที่พักอาศัย และเจ็บป่วยโดนโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้าถึง 4-5 โรค หลังจากที่มีข่าวนี้ออกไป ดูเหมือนว่ามีคนหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือเธอไม่น้อย ทั้งในเรื่องของเงินทอง และการดูแลรักษาสุขภาพของเธอ คุณติ๋ม เพ็ญพร เป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อเธอเสียชีวิตลงในวันนี้…25 เมษายน เมื่อปีที่แล้ว หลังจากล้มป่วยลงด้วยโรคถุงลมโป่งพองมาเป็นเวลานานหลายปี เลยขอนำเรื่องราวของเธอมานำเสนอกันอีกครั้งในวันนี้ ด้วยความอาลัยและคิดถึง #EatPrayLive #วันเสียชีวิต #วันจากไป #เพ็ญพรไพฑูรย์ #นางแบบ #ดารา #นักแสดง #25เมษายน #พศ2565

4/25/2024, 1:00:00 PM

Marie Corelli นักประพันธ์สตรีชาวอังกฤษในยุควิกตอเรียน ซึ่งตรงกับช่วงปลายรัชสมัยรัชกาลที่ห้า ต่อเนื่องรัชกาลที่หกของบ้านเรา คนไทยคุ้นชินกับผลงานของเธอที่เคยผ่านตากันมาอย่างยาวนานหลายสิบปี จากฝีมือการแปลของนักแปลชั้นครูในอดีตอย่าง แม่วัน หรือ พระยาสุรินทราชา และ อมราวดี Marie Corelli หรือ มารี คอเรลลี เป็นนามปากกาของ แมรี่ แมคเคย์ เกิดในปี ค.ศ. 1855 บุตรสาวบุญธรรมของด็อกเตอร์ ชาร์ลส์ แมคเคย์ ดุษฎีบัณฑิตทางวรรณกรรม อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์หลายฉบับ และกวีชื่อดังชาวสกอต ในวัยเด็ก…เธอได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ได้รับการศึกษาอย่างดีเยี่ยม และมีนิสัยรักการเขียนมาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อมีอายุได้สิบเอ็ดปี เธอถูกส่งไปยังโรงเรียนคอนแวนต์ของแม่ชีแคธอลิกในกรุงปารีสเพื่อศึกษาต่อ สถานที่ๆบ่มเพาะพื้นฐานความคิดในการแต่งนวนิยายหลายต่อหลายเรื่อง จนเธอจบการศึกษาและกลับมาอังกฤษในอีกสี่ปีต่อมาเมื่อปี ค.ศ. 1870 มารี คอเรลลี เริ่มต้นการทำงานด้วยการเป็นนักเปียโนและนักแต่งจุลอุปรากร ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ต่อมาเมื่อสุขภาพของเธอเริ่มทรุดโทรม จึงหันมาจับงานเขียนแทน โดยผลงานเรื่องแรกของเธอนั้น คือ A Romance of Two Worlds ก็ได้ปรากฏสู่สายตาของนักอ่านในปี ค.ศ. 1886 เมื่อเธอมีอายุได้ 31 ปี และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี สร้างชื่อเสียงให้กับเธอตั้งแต่ผลงานเรื่องแรกเลยทีเดียว หลังจากนั้น…เธอเปลี่ยนแนว หันมาเขียนนิยายรักระคนหึงปนด้วยความพยาบาทในชื่อ Vendetta หรือในชื่อไทย ‘ความพยาบาท’ ในปีเดียวกันนั้นเอง ก่อนที่ในปีต่อมา ค.ศ. 1887…จะตามมาด้วย Thelma หรือ ‘เต็ลมา’ ในแนวโรแมนติกรักๆใคร่ๆ ที่ผู้อ่านพากันติดอกติดใจ ต่อมา… มารี คอเรลลิ ก็หันมาจับงานเขียนเกี่ยวกับชีวิต วิญญาน การเกิด ความตาย และโลกนี้โลกหน้าอีกครั้ง ด้วยผลงานอย่าง Ardath, The Soul of Lilith และ Barabbas ก่อนที่จะตามมาด้วยผลงานชิ้นเยี่ยม The Sorrows of Satan หรือในชื่อภาษาไทยว่า ‘ขุนคลัง’ ในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1895 ซึ่งพิมพ์ใหม่ถึง 10 ครั้งในช่วงระยะเวลาแค่สองเดือนแรก และพิมพ์ใหม่อีกถึง 22 ครั้งในปีถัดมา และเมื่อ ‘อมราวดี’ นำเรื่องนี้มาแปลในอีก 55 ปีต่อมาในปี ค.ศ. 1950 หรือปี พ.ศ. 2493 ก็เป็นการพิมพ์ครั้งที่ 67 แล้ว* มารี คอเรลลี เสียชีวิตลงในวันนี้…24 เมษายน ค.ศ. 1924 ในคฤหาสน์ของเธอที่เมือง Stratford - Upon - Avon หรือ สแตรตเฟิร์ด อะพอน เอวอน #EatPrayLive #วันจากไป #วันเสียชีวิต #24เมษายน #หนังสือ #นวนิยาย #วรรณกรรม #นักเขียน #เรื่องแปล #มารีคอเรลลี #อมราวดี #ขุนคลัง #นางแก้ว #ผู้บริสุทธิ์ #ความพยาบาท #เต็ลมา #แม่วัน

4/24/2024, 1:00:00 PM

เพลงฮิต…วันวาน Barbra Streisand…นักร้องผู้มีเสียงอันไพเราะทรงพลัง นักแสดงเจ้าบทบาท เจ้าของเพลงฮิตและดารานำในภาพยนตร์ระดับ Box Office หลายต่อหลายเรื่อง เจ้าของฉายา ‘ลูกเป็ดขี้เหร่’ ในอดีต ‘ลูกเป็ดขี้เหร่’ คนนี้ เข้าสู่วงการบันเทิงในยุค 60 ด้วยการเป็นนักร้องตามไนท์คลับในย่านบรอดเวย์ นิวยอร์ก ต่อมาเธอได้เซ็นสัญญากับบริษัทแผ่นเสียง Columbia Records และได้ออกอัลบั้มชุดแรก The Barbra Streisand Albumในปี ค.ศ. 1963 ประสบความสำเร็จตั้งแต่อัลบั้มชุดแรกด้วยการคว้ารางวัลแกรมมี่มาครองทั้ง Album of The Year และ Best Female Vocal Performance หลังจากนั้นมา…เส้นทางการเป็นศิลปินนักร้องของ ‘บาร์บรา สไตรแซนด์’ ก็งดงามเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอประสบความสำเร็จกับผลงานเพลงของเธอชุดแล้วชุดเล่า ตั้งแต่อัลบั้ม People ในปี ค.ศ. 1964 มาจนถึง The Way We Were ในปี ค.ศ. 1974 Gulity ในปี ค.ศ. 1980 และ Higher Ground ในปี ค.ศ. 1997 นอกจากจะร้องเพลงเพราะแล้ว ‘บาร์บรา สไตรแซนด์’ ยังเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทอีกด้วย เริ่มด้วยภาพยนตร์เพลงเรื่อง Funny Girl ในปี ค.ศ. 1968 ที่นอกจากทำรายได้มหาศาลถล่มทลายแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคว้ารางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ ‘บาร์บรา สไตรแซนด์’ คว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมมาครองได้เช่นกัน ในยุค 70-80 ‘บาร์บรา สไตรแซนด์’ ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในดาราที่ทำรายได้สูงสุด เช่นเดียวกับดาราชายอย่างพอล นิวแมน และสตีฟ แม็คควีน และมักจะเป็นดาราหญิงเพียงคนเดียวที่ติดโผท็อปเทนในยุคนั้น ‘บาร์บรา สไตรแซนด์’ เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่คว้ารางวัลต่างๆในวงการบันเทิงทั้งเพลง ภาพยนตร์ ละครเวที และโทรทัศน์มาครอง ไล่ตั้งแต่รางวัล Emmy, Grammy, Oscar และ Tony พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอนั้นมากด้วยพรสวรรค์และความสามารถอย่างแท้จริง พรุ่งนี้…24 เมษายน เป็นวันครบรอบวันเกิดที่ปีนี้เธอมีอายุครบ 82 ปีแล้ว เรามารำลึกถึงอดีต สมัยที่เธอยังเป็น ‘ลูกเป็ดขี้เหร่’ ด้วยเพลงรักเพลงนี้…The Way We Were ที่อัลบั้มชุดนี้วางขายในวันขึ้นปีใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1974 พอดิบพอดี เพลงรักที่สุดแสนจะไพเราะ และแสนจะโรแมนติกเหลือเกินในยุคนั้น #EatPrayLive #วันเกิด #24เมษายน #บาร์บราสไตรแซนด์ #barbrastreisand #ศิลปิน #ดาราฮอลลีวูด #นักร้อง #ซูเปอร์สตาร์#ฮอลลีวูด

4/23/2024, 1:00:00 PM

วันสำคัญ ทุกๆ ปีของวันนี้ …23 เมษายน คือวันหนังสือโลก หรือ World Book Day หรืออีกชื่อหนึ่งคือ World Book and Copyright Day วันที่ UNESCO เฉลิมฉลองการอ่านหนังสือ รวมไปถึงการพิมพ์หนังสือและเรื่องของลิขสิทธิ์บทประพันธ์ โดยเริ่มต้นโปรโมทมาตั้งแต่ปี ค.ศ 1995 นอกจากวันนี้จะเป็นวันหนังสือโลกแล้ว ยังเป็นวันลาจากไปของกวีและนักประพันธ์ระดับโลกหลายต่อหลายท่าน อาทิ William Shakespeare นักประพันธ์ชาวอังกฤษที่เรารู้จักกันดี และ Inca Garcilaso de la Vega นักประพันธ์ชาวสเปน และนี่คือที่มาว่าทำไม UNESCO ถึงได้เลือกวันนี้ให้เป็นวันหนังสือโลก อย่ากระนั้นเลย เรามาร่วมฉลองวันนี้ด้วยการออกไปซื้อหนังสือเล่มใหม่กันดีกว่า อย่างน้อยเพื่อต่อลมหายใจให้กับธุรกิจหนังสือ ให้เรายังมีหนังสืออ่านก่อนนอน ก่อนที่บทประพันธ์หรือผลงานต่างๆ ทั้งหลายจะหายเข้าไปอยู่ใน e book กันหมด Happy World Book Day 📚 📙 ……………………… #EatPrayLive #วันสำคัญ #วันหนังสือโลก #worldbookday #unesco #อ่านหนังสือ

4/23/2024, 2:00:00 AM

ปกสวย มาคลายร้อน ทั้งร้อนกายจากลมร้อนของเดือนเมษา ด้วยปกสวยๆ จากนิตยสารบีอาร์ หรือบางกอก รีดเดอร์ส ฉบับที่ 107 เดือนเมษายน ปี พ.ศ.2524 หรือเมื่อ 43 ปีที่แล้ว นิตยสารบีอาร์ วางจำหน่ายครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2514 เท่ากับว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วถึง 10 ปี จากราคาเริ่มต้น 10 บาท ขึ้นมาเป็น 25 บาท จากบรรณาธิการคนแรก คือคุณพจนาถ เกสจินดา มาเป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ในขณะนั้นคือ คุณสุธี นันทิวัชรินทร์ ปกสวยฉบับนี้ พาผู้อ่านไปคลายร้อนกับบรรยากาศชายทะเลที่พัทยาในสมัยที่หาดจอมเทียนยังสดๆ ซิงๆ กับนางแบบบนปกคือ คุณพูนลาภ เรืองศุข สาวเปรี้ยวของเมืองไทยในยุค 80 หลังจากเรียนจบการออกแบบตกแต่งภายในจากอังกฤษ คุณพูนลาภกลับมาเปิดร้านขายดอกไม้เล็กๆ ชื่อน่ารักว่า ‘เข็ม’ บนชั้นสาม สยามเซ็นเตอร์ หรือศูนย์การค้าสยามในขณะนั้น ร้านเข็มน่าจะเป็นร้านดอกไม้ร้านแรกในเมืองไทยที่อยู่ในศูนย์การค้า ท่ามกลางบูติค ร้านเสื้อเปรี้ยวๆ ของเมืองไทยในยุคนั้นอย่าง ไข่บูติค Soda Pop Pomme และ PP ที่แฟชั่นนิสต้าในยุคนั้นต่างต้องไปเช็คอินที่ชั้นสาม สยามเซ็นเตอร์ กันทุกคน ปกสวยเล่มนี้ เป็นฝีมือของคุณศิเรมอร อุณหธูป ผู้รับหน้าที่เป็นบรรณาธิการฝ่ายสตรีและแฟชั่นของนิตยสารบีอาร์ นอกจากเขียนเรื่องสั้นแล้ว คุณศิเรมอรยังเป็นหนึ่งในทีมงานของนิตยสารฉบับนี้ตั้งแต่ยุคบุกเบิก ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะขยับมาเป็นบรรณาธิการนิตยสาร 21 หรือทะเวนตี้ วัน ตำนานนิตยสารแฟชั่นและผู้หญิงอีกเล่มหนึ่งของเมืองไทย คุณศิเรมอร นำทีมแฟชั่นที่ประกอบไปด้วยเสื้อผ้าจากฝีมือการออกแบบของคุณป้อม ธีรพันธุ์ วรรณรัตน์ ในยุคแรกของอาชีพดีไซน์เนอร์ ก่อนที่จะมาเป็นปูชนียบุคคลในวงการแฟชั่นของเมืองไทย เป็นศิลปินแห่งชาติอย่างในทุกวันนี้ ประดับประดาด้วยเครื่องประดับจาก ‘จ๋อม SODA POP’ หรือคุณจ๋อม ศิริชัย ทหรานนท์ ก่อนที่จะมามีแบรนด์ Theatre เป็นของตัวเอง แต่งหน้าด้วยฝีมือของ ‘วสันต์’ จากร้าน Pitti ในซอยทองหล่อ ทำผมโดย ‘มล’ จากร้านเลส์ บิวตี้ บางเขน และที่สำคัญที่สุด คือถ่ายภาพโดยคุณนภดล โชตะสิริ หรือน้าเซียนของชาวลลเนี่ยนนั่นเอง ทุกองค์ประกอบที่ลงตัวทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังนี่เองที่ทำให้นิตยสารบีอาร์เล่มนี้ ดูสวยแปลกตากว่าเล่มอื่นๆของหัวเดียวกัน กลายเป็นนิตยสารบีอาร์เล่มที่นักสะสมนิตยสารเก่า หรือใครที่ชอบแฟชั่น ไม่พลาดที่ต้องจะมีเก็บไว้ในคอลเลคชั่นของตัวเอง…ในวันนี้ #EatPrayLive #ปกสวย #นิตยสาร #นิตยสารเก่า #สื่อสิ่งพิมพ์ #ไลฟ์สไตล์ #แม็กกาซีน #บีอาร์ #br #บางกอกรีดเดอร์ส #ปี2524

4/22/2024, 1:00:00 PM

อมราวดี นามปากกาของนักเขียน นักแปลอาวุโสของไทย ผู้ซึ่ง ‘อาจินต์ ปัญจพรรค์’ ชื่นชอบในผลงาน ถึงกับยกย่องให้เป็น ‘เทพธิดาแห่งงานแปลนวนิยาย’ เจ้าของผลงานแปลวรรณกรรมอังกฤษในยุควิกตอเรียน จากปลายปากกา ‘มารี คอเรลลี’ รวมถึงผลงานวรรณกรรมคลาสสิกของญี่ปุ่นอีกหลายต่อหลายเรื่อง ‘อมราวดี’ เป็นนามปากกาของคุณลัดดา ถนัดหัตถกรรม ชื่อและสกุลเดิมคือ แฮนนา เร็กซเฮาเซ่น เชื้อชาติเยอรมัน สัญชาติไทย เป็นลูกสาวคนเดียวของบิดา ยอร์ช เร็กซเฮาเซ่น เภสัชกรชาวเยอรมัน และมารดา สง่า เร็กซเฮาเซ่น เริ่มต้นการศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนสายปัญญา มาเรียนต่อที่โรงเรียนผดุงดรุณี และจบมัธยมการศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาแล้วเลยได้รับการบรรจุเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ ‘อมราวดี’ รักการอ่านมาตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งหนังสือภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บวกกับมีครูส่งเสริมให้รักหนังสือ และให้หัดแปลสารคดี เรื่องสั้น จนกระทั่งเห็นคุณค่าของการเขียน จึงลองเขียนและแปลเรื่องลงในหนังสือของโรงเรียน นั่นคือ ‘วัฒนาวิทยา’ จากนั้นก็เขียนและแปลมาโดยตลอด เมื่อเป็นนักเขียนอาชีพ ‘อมราวดี’ มีหลักการสร้างผลงานว่า “ต้องสำนึกในความรับผิดชอบที่ตนมีต่อประชาชนคนอ่าน ควรเข้าใจว่าหนังสือนั้นมีอิทธิผลเหนือจิตใจผู้อ่านเพียงไร” ‘อมราวดี’ รังสรรค์งานได้ทุกประเภท ทั้งงานแปล สารคดี เรื่องสั้น บทโทรทัศน์ นวนิยาย คำประพันธ์ร้อยกรอง และบทละคร แต่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่านที่สุด คืองานแปลนวนิยายและเรื่องสั้น เป็นที่ชื่นชอบของนักอ่านมาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรมอังกฤษคลาสสิกจากปลายปากกาของ มารี คอลเรลลี อย่าง ขุนคลัง หรือ Sorrow of Sultan ผู้บริสุทธิ์ หรือ Innocent และ นางแก้ว หรือ The Murder of Delicia วรรณกรรมญี่ปุ่นชิ้นเยี่ยมอย่าง เสียงแห่งขุนเขา ของ ยาสึนาริ คาวาบาตะ หรือ จำพราก จากปลายปากกาของ เคนจิโร โตกุโตมิ ล้วนแล้วแต่สร้างชื่อเสียงให้กับท่าน และสร้างความประทับใจให้กับนักอ่านมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ‘อมราวดี’ ถึงแก่กรรมในวันนี้…21 เมษายน เมื่อปี พ.ศ. 2538 สิริอายุได้ 79 ปี ทิ้งไว้แต่ผลงานการแปลอันล้ำค่าของท่านไว้ในบรรณพิภพ เลยขอนำประวัติและผลงานทางด้านวรรณกรรมแปลของท่านมานำเสนอในวันนี้ ด้วยความเคารพรักและศรัทธา #EatPrayLive #วันจากไป #วันเสียชีวิต #21เมษายน #หนังสือ #นวนิยาย #วรรณกรรม #นักเขียน #เรื่องแปล #อมราวดี #ลัดดาถนัดหัตถกรรม #ขุนคลัง #นางแก้ว #ผู้บริสุทธิ์ #เสียงแห่งขุนเขา #จำพราก

4/21/2024, 1:00:00 PM

ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช วันนี้ 20 เมษายน…ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งถ้าท่านยังอยู่จนถึงวันนี้ จะครบ 113 ชาตกาลในปีนี้ ท่านเป็นบุคคลที่เป็นทั้งนักปราชญ์ นักการเมือง อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 13 ของเมืองไทย และเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ท่านแรก เมื่อปี พ.ศ.2528 วันนี้…จึงขอนำผลงานทางด้านการประพันธ์ของท่านมานำเสนออีกครั้ง ‘พม่าเสียเมือง’ เกิดขึ้นจากการค้นคว้าพงศาวดารของพม่า และบันทึกทางประวัติศาสตร์ของชาวอังกฤษ ในระหว่างที่ท่านพำนักอยู่ต่างประเทศ เป็นสารคดีเชิงประวัติศาสตร์ที่อ่านสนุกเหมือนอ่านนิยาย เรื่องราวเกี่ยวกับความผันแปรของพม่าในอดีต เริ่มตั้งแต่ต้นยุคของราชวงศ์คองบอง ราชอาณาจักรพม่ายุคที่ 3 ที่เป็นยุคสุดท้าย เรื่อยมาจนถึงรัชสมัยของพระเจ้าสีป่อ หรือ ธีบ่อ และพระนางศุภยาลัต ที่อาณาจักรพม่าล่มสลาย ตกเป็นเมืองขึ้นของจักวรรดิอังกฤษในที่สุด หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนเรื่องนี้ลงเป็นตอนๆ ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ในช่วงประมาณเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2511 ในยุคที่สื่อมวลชนถูกห้ามให้นำเสนอความคิดเห็นทางด้านการเมือง งานเขียนชิ้นนี้จึงอ่านสนุก เพลิดเพลินกว่าสารคดีทั่วๆไป เพราะเป็นทางออกในการให้ผู้แต่งได้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองในยุคนั้นแบบอ้อมๆ ด้วยสำนวนหยิกแกมหยอก รวมถึงการสอดแทรกความรู้สึกส่วนตัวลงในระหว่างบรรทัด ในฐานะคนไทยที่ยังฝังใจกับการล่มสลายของกรุงศรีอยุธยาด้วยฝีมือข้าศึกพม่า บอกเล่าเรื่องนี้เสมือนเป็นการบอกแบบอ้อมๆว่านี่คือ ‘กฏแห่งกรรม’ ที่เคยทำเอาไว้กับคนไทยนั่นเอง ‘พม่าเสียเมือง’ รวมเล่มพิมพ์ขึ้นเป็นครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์สยามรัฐ ในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2512 และได้รับการตีพิมพ์ซ้ำอีกหลายสิบครั้ง โดยครั้งล่าสุดน่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า 2000 ในปี พ.ศ. 2561 เป็นผลงานอีกหนึ่งชิ้นของหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ไม่ว่าคุณจะชอบสารคดีเชิงประวัติศาสตร์หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่ควรพลาดการอ่านผลงานของท่านชิ้นนี้ด้วยประการทั้งปวง #EatPrayLive #หนังสือ #สารคดี #วรรณกรรม #พม่าเสียเมือง #คึกฤทธิ์ปราโมช #พม่า #ราชวงศ์คองบอง

4/20/2024, 1:00:00 PM

เรื่องเล่า…ในอดีต นิตยสาร National Geographic เป็นนิตยสารเก่าแก่เล่มหนึ่งของโลก ที่ในวันนี้มีอายุถึง 135 ปีแล้ว National Geographic เป็นนิตยสารของ National Geographic Society หรือ NGS องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรเกี่ยวกับการศึกษาและวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดองค์กรหนึ่งของโลก ก่อตั้งขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดี ซี เมื่อปี ค.ศ. 1888 นิตยสาร National Geographic ปรากฏสู่สายตานักอ่านเป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคมปี ค.ศ. 1888 เก้าเดือนหลังจากการก่อตั้งมูลนิธิ เป็นนิตยสารรายเดือนที่ภาพปกจะถูกล้อมไว้ด้วยกรอบสี่เหลี่ยมสีเหลือง อันเป็นโลโก้ของ National Geographic Society จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของนิตยสารตั้งแต่เล่มแรกมาจนถึงเล่มล่าสุด ซึ่งทุกวันนี้มีการผลิตถึง 40 ภาษาในประเทศต่างๆ และมีผู้อ่านมากกว่า 60 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ในปี ค.ศ. 1985 หรือเมื่อ 35 ปีที่แล้ว ปกนิตยสาร National Geographic ฉบับเดือนมิถุนายน เป็นภาพของเด็กหญิงชาวอาฟกัน อายุ 12 ปีที่ช่างภาพ Steve McCurry บันทึกภาพนี้ได้ที่แคมป์ผู้อพยพชาวอาฟกันในปากีสถาน หลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็เป็นที่ฮือฮาได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมากมาย ถึงแววตาของเด็กหญิงในภาพที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง ความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ชีวิตของเธอ ต่อมา…ภาพนี้ได้รับการเรียกขานเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘The Afghan Girl’ ซึ่งช่างภาพ Steve McCurry ได้กลับไปตามหา และเจอเธออีกครั้งในปี ค.ศ. 2002 และได้รู้ว่าเธอนั้นชื่อ Sharbat Gula ซึ่งถึงตอนนั้นเธอได้แต่งงาน มีสามีพร้อมลูกสามคนแล้ว แต่เธอยังจำถึงวันที่ถูกบันทึกภาพนี้ได้เป็นอย่างดี เรื่องราวของการตามหาและพบเธออีกครั้งหลังจากผ่านไป 17 ปี ได้กลายเป็น Cover Story ของนิตยสาร National Geographic ฉบับเดือนเมษายน เมื่อปี ค.ศ. 2002 ด้วยภาพปกของเธอที่คลุมหน้าคลุมตาถือภาพขยาย ‘The Afghan Girl’ ไว้ในมือ พร้อมเรื่องราวของเธอในเล่ม และภาพประกอบใบหน้าของเธอในอดีตกับปัจจุบันโดยการจัดวางท่าเดียวกัน ทำให้เรื่องราวของ Sharbat Gula และภาพ ‘The Afghan Girl’ กลายเป็นตำนานของนิตยสาร National Geographic ที่เมื่อมีใครเอ่ยถึงนิตยสารนี้ ปกนี้จะผุดขึ้นมาในความทรงจำของนักอ่านทั่วโลกเป็นลำดับแรก และกลายเป็น ‘เรื่องเล่า…ในอดีต’ มาจนถึงทุกวันนี้ #EatPrayLive #ปกสวย #นิตยสาร #แมกกาซีน #แม็กกาซีน #สื่อสิ่งพิมพ์ #นิตยสารเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก #Nationalgeographicฉบับภาษาไทย #theafghangirl

4/19/2024, 1:00:00 PM

ครอบ (บ้าน) ครัว (เดียว) ใครที่ชอบอ่านนวนิยายพีเรียด เรื่องย้อนยุคโบร่ำโบราณที่มีกลิ่นอายในรั้วในวังช่วงยุคก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง…คุณน่าจะชอบผลงานชิ้นเยี่ยมนี้ของ ‘ศรีฟ้า ลดาวัลย์’ เรื่องราวชีวิตของ ‘อัปสร’ ที่เกิดมาในชาติตระกูลที่สูงส่ง สมควรได้รับการยกย่องในฐานะหม่อมเจ้าตามฐานันดรที่แท้จริงของเธอ แต่ด้วยโชคชะตาและทิฐิของมารดา ทำให้คนรอบข้างได้แต่เรียกเธอด้วยคำว่า ‘คุณหนู’ แทนคำว่าท่านหญิงด้วยความเกรงใจ ด้วยชีวิตที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ ‘คุณหนู’ เติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของผู้เป็นยาย และคนอื่นๆในเวลาต่อมา ในสังคมเล็กๆแบบที่ท่านผู้เขียนเรียกว่า ครอบ (บ้าน) ครัว (เดียว) อันหมายถึงครอบครัวหลายๆครอบครัว อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ กินอยู่รวมกันด้วยครัวกลางครัวเดียว สะท้อนถึงการเกื้อกูลแบ่งปัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันของคนในครอบครัว ‘คุณหนู’ เติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทั้งที่บ้านเจ้าคุณลุง บุตรชายของท่านเจ้าพระยา ผู้เป็นตาของเธอ แม้กระทั่งที่วังสวนสุนันทาที่มีครัวกลาง คอยดูแลข้าวปลาอาหารให้กับทุกคนที่พึ่งพิงพักอาศัยอยู่ภายในรั้ววังแห่งนั้น ทำให้เมื่อเธอมีครอบครัวเป็นของตัวเอง จึงโหยหาความสุขของการอยู่แบบครอบ (บ้าน) ครัว (เดียว) และอยากให้ครอบครัวของเธอมีความสุข อบอุ่นแบบนั้นตลอดไป ครอบ (บ้าน) ครัว (เดียว) ตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นตอนๆลงในนิตยสารสกุลไทย รายสัปดาห์ ในช่วงปีพ.ศ.2541-2544 และพิมพ์รวมเล่มเป็นครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ในปีพ.ศ.2545 โดยสำนักพิมพ์เพื่อนดี อย่างที่เห็นในภาพนี้ ที่ภาพหน้าปกเป็นผลงานของอาจารย์ เกริกบุระ ยมนาค และได้นำมาพิมพ์อีกหลายครั้งในเวลาต่อมา ปัจจุบัน…นวนิยายเรื่องนี้ไม่มีวางจำหน่าย จึงมีการส่งต่อกันในราคาที่สูงลิบลิ่ว คนเขียนเคยได้เห็นมีผู้นำมาประกาศขายในราคา 3,500 บาท และมีผู้ตัดสินใจซื้อไปในเวลาไม่นาน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะถ้าใครเคยได้อ่านผลงานเรื่องนี้ของ ‘ศรีฟ้า ลดาวัลย์’ แล้ว น่าจะเห็นพ้องตรงกันว่านี่คือผลงานระดับมาสเตอร์ พีซ ของท่าน สมกับเกียรติที่ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปีพ.ศ.2539 อย่างแท้จริง #EatPrayLive #หนังสือ #วรรณกรรม #นวนิยาย #สกุลไทย #นิตยสาร #ครอบบ้านครัวเดียว #ศรีฟ้าลดาวัลย์ #นักเขียน #นักประพันธ์ #เพื่อนดี #ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์

4/18/2024, 1:00:00 PM

Gabriel Marcia Marquez นักเขียนเจ้าของรางวัลโนเบลชาวโคลัมเบีย เจ้าของผลงานวรรณกรรมคลาสสิกที่อ่านยาก เข้าใจยาก แต่ได้รับเสียงชื่นชมจากนักอ่านทั่วโลก นั่นคือ ’หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว’ หรือ ‘100 Years of Solitude’ Gabriel Marcia Marquez หรือ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ เริ่มต้นจากการเป็นนักหนังสือพิมพ์ รวมถึง นักเขียนบทละคร นักเขียนเรื่องสั้น สร้างสรรค์งานเขียนชิ้นเยี่ยมออกมาอย่างมากมาย แต่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาที่สุด คือผลงานทางด้านนวนิยาย และหนึ่งในนั้น คือ ’หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว’ หรือ ‘100 Years of Solitude’ ‘หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว’ หรือ ‘100 Years of Solitude’ ตีพิมพ์จำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1967 ที่บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในภาษาสเปน ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในฐานะวรรณกรรมคลื่นลูกใหม่จากละตินอเมริกาใต้ ต่อมา…ได้รับการตีพิมพ์ถึง 37 ภาษา มียอดขายกว่า 30 ล้านเล่มทั่วโลก สร้างชื่อเสียงให้ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ในฐานะนักเขียนแถวหน้าที่คนทั่วโลกรู้จัก และเป็นหนึ่งในสี่ของนักเขียนละตินอเมริกา ที่มีส่วนสำคัญทำให้เกิดกระแสการเกิดของ Latin American Boom ในแวดวงวรรณกรรมช่วงยุค 60 และ 70 หนังสือเล่มนี้ได้รับคำจำกัดความว่าเป็นนวนิยายในแนว Magical Realism* ความดีงามของนวนิยายแนว Magical Realism หรือ สัจนิยมมหัศจรรย์เรื่องนี้ คือสีสันของวิธีการเขียนที่เต็มไปด้วยจุดหักมุมและสร้างเซอไพรส์ให้กับคนอ่านได้อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าคนอ่านอย่างเราๆจะอ่านแล้วจะงงๆอยู่บ้างก็ตามที สำหรับเวอร์ชั่นภาษาไทย… ‘หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว’ หรือ ‘100 Years of Solitude’ แปลโดย ปณิธาน-ร.จันเสน เล่มในภาพ เป็นเวอร์ชั่นพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2529 เขียนคำนำโดยคุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี ที่ยกย่องให้นวนิยายเล่มนี้ เป็นหนึ่งในนวนิยายยอดเยี่ยมของโลกในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ ดอนคีโฮเต้ พี่น้องคารามาซอฟ สเตปเปนวูลฟ์ และเจ้าชายน้อย กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ เสียชีวิตลงในวันนี้…17 เมษายน เมื่อปี ค.ศ. 2014 ในขณะที่มีอายุได้ 87 ปี การสูญเสียนักเขียนคนสำคัญของโลก เจ้าของรางวัลโนเบล สาขา วรรณกรรม ในปี ค.ศ. 1982 ประธานาธิบดี ฮวน มานูเอ็ล ซานโตส ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโคลัมเบียในขณะนั้น ถึงกับกล่าวสดุดีไว้อาลัยถึงเขาในฐานะเป็น “ชาวโคลัมเบียผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดมา” #EatPrayLive #วันเสียชีวิต #วันจากไป #17เมษายน #หนังสือ #วรรณกรรม #หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว #กาเบรียลการ์เซียมาร์เกซ #onehundredyearsofsolitude #ปณิธานรอจันเสน

4/17/2024, 1:00:00 PM

ยาสึนาริ คาวาบาตะ นักเขียนชาวญี่ปุ่นคนแรกที่คว้ารางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม เมื่อปี ค.ศ. 1968 หรือปี พ.ศ. 2511 และเป็นคนที่สองของเอเชีย ถัดจากรพินทรนาถ ฐากุร นักปราชญ์ชาวอินเดีย เมื่อปี ค.ศ. 1913 ยาสึนาริ คาวาบาตะ เริ่มต้นจับปากกาเขียนเรื่องสั้นเรื่องแรก ในขณะที่กำลังศึกษาอยู่ในคณะวรรณกรรมญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยโตเกียว ในปี ค.ศ. 1921 และเริ่มทยอยเขียนเรื่องสั้นหลายต่อหลายเรื่อง จนเริ่มเป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในหมู่นักอ่านชาวญี่ปุ่นในเวลาต่อมา แต่ผลงานที่จุดพลุ สร้างชื่อเสียงให้กับยาสึนาริ คาวาบาตะ อย่างแท้จริง คือผลงานที่ชื่อ The Isu Dancer หรือในชื่อไทย ‘ระบำเร่’ ปรากฏสู่สายตานักอ่านในปี ค.ศ. 1926 แต่ที่โดดเด่นเป็นที่กล่าวขวัญถึงของนักอ่านทั่วโลก คือเมื่อผลงานในชื่อ Snow Country หรือ ‘เมืองหิมะ’ ออกมาในปี ค.ศ. 1935 ตีพิมพ์ครั้งแรกลงเป็นตอนๆ ก่อนมีการพิมพ์รวมเล่ม และมีการแก้ไขเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง กว่าฉบับสมบูรณ์จะเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1948 Snow Country ทำให้ยาสึนาริ คาวาบาตะ กลายเป็นหนึ่งในนักเขียนระดับแนวหน้าของญี่ปุ่น และผลงานชิ้นนี้กลายเป็นหนังสือคลาสสิกไปในทันที ยาสึนาริ คาวาบาตะ กลับมาเขียนอีกครั้งเมื่อสงครามโลกจบสิ้นลง ผลงานของเขาที่โดดเด่นในช่วงนี้ คือ The Sound of Mountain หรือ ‘เสียงแห่งขุนเขา’ ที่ยาสึนาริ คาวาตาบะ เริ่มเขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1949 และเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1954 ในเวลาเดียวกัน เขายังได้เขียนเรื่อง Thousand Cranes หรือ ‘กระเรียนพันตัว’ ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1951 นอกจากนี้ เขายังมีผลงานชิ้นเยี่ยมอื่นๆอย่าง Master of Go หรือ ‘เซียนโกะ’ ในชื่อภาษาไทย Ancient Capital หรือ ‘กรุงเก่า’ รวมถึง The Lake หรือ ‘ทะเลสาบ’ ทุกเรื่องกลายเป็นมรดกวรรณกรรมอันล้ำค่าทั้งต่อซีกโลกตะวันออกและโลกตะวันตก ได้รับการแปลออกเป็นภาษาต่างๆอย่างมากมาย ยาสึนาริ คาวาบาตะ ได้เสียชีวิตลง จากการทำอัตวินิบาตกรรม ในวันที่ 16 เมษายน เมื่อปีค.ศ. 1972 โดยที่ไม่มีใครทราบสาเหตุที่แท้จริง วันนี้…เป็นวันที่ยาสึนาริ คาวาบาตะ จากไปครบ 51 ปี เลยขอนำประวัติและผลงานของนักเขียนชาวญี่ปุ่นคนแรกที่คว้ารางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม มานำเสนอกันในวันนี้ #EatPrayLive #วันเสียชีวิต #วันจากไป #16เมษายน #หนังสือ #วรรณกรรม #เรื่องแปล #นักเขียน #นักประพันธ์ #วรรณกรรมญี่ปุ่น #เสียงแห่งขุนเขา #ยาสึนาริคาวาตาบะ #thesoundofthemountain #เมืองหิมะ #กระเรียนพันตัว #เซียนโกะ #กรุงเก่า #รันทดและงดงาม #ทะเลสาป

4/16/2024, 1:00:00 PM

วันนี้…วันพระ ………………… โกรธคนนั้น โกรธคนนี้ ไม่พอใจเขา นี่เป็นเรื่องของกิเลส ที่เกิดขึ้นจากเราไปโกรธเขา เขาจะผิดเท่าฟ้า เท่าแผ่นดิน ก็ตาม ความไม่พอใจในเขา ก็คือ กิเลสของเรานี่เอง หลวงตา มหาบัว ญาณสัมปันโน ………………… #EatPrayLive #วันพระ #ธรรมะ #คำสอน #วิถีพุทธ #สนทนาธรรม #โอวาทธรรม #บุญ #ทำบุญ #กรวดน้ำ #ศีล #ทุกข์ #สุข #สติ #สมาธิ #ปัญญา #สมาธิภาวนา #ปล่อยวาง #ปฏิบัติธรรม #พุทธศาสนา #ศรัทธา #ธรรมะ #วิถีพุทธ #ตักบาตร #ฟังเทศน์ #ปล่อยนกปล่อยปลา #ถวายสังฆทาน #อมตะธรรม #ธรรมะสอนใจ #หลวงตามหาบัว

4/16/2024, 3:34:14 AM

ฉบับปฐมฤกษ์ หลังจากแยกทางหย่าร้างกับนิตยสารลลนา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ในปี พ.ศ. 2538 บริษัท เนชั่น พับลิชชิ่ง กรุ๊ป และทีมงานกองบรรณาธิการเดิมก็ได้เข็นนิตยสารผู้หญิงน้องใหม่ออกมาแทนในชื่อ ‘กรวิก’ ตามที่บรรณาธิการเป็นผู้บอกเล่า ‘กรวิก’ เป็นชื่อที่มีความหมายว่า ‘มือที่โอบอุ้มความก้าวหน้า’ ด้วยการสมาสคำว่ากร ที่แปลว่ามือ กับคำว่าวิกที่แปลว่าความก้าวหน้าเข้าไว้ด้วยกัน ขับเคลื่อนด้วยคุณสมถวิล จรรยาวงษ์ บรรณาธิการนิตยสารลลนาคนสุดท้าย ที่ได้เขยิบขึ้นไปเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นยู พับลิชชิ่ง จำกัด น้องใหม่ในเครือของเนชั่น พับลิชชิ่ง กรุ๊ป ที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเน้นธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ทางด้านนิตยสารเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังรั้งตำแหน่งบรรณาธิการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา โดยมีคุณจิราภรณ์ เจริญเดช รับหน้าที่บรรณาธิการบริหารแทน กรวิก ‘ฉบับปฐมฤกษ์’ ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 / 15 เมษายน 2538 วางจำหน่ายในราคา 65 บาท ด้วยนางแบบปก คือคุณชลิดา พาณิชการ หนึ่งในนางแบบจากแฟชั่นเซ็ตในเล่มที่เน้นการแต่งหน้าในธีม Ten Gold Fingers นำเมคอัพ อาร์ตติส ชั้นนำของเมืองไทย 10 ท่าน อาทิ คุณม้า อรนภา กฤษฎี ที่แต่งหน้านางแบบปก คุณกมล ฉัตรเสน คุณสุคนธ์ สีมารัตนกุล คุณวณิช เดชธราดล และคุณศิระ กุลเศรษฐศิริ มาโชว์สกิล เทคนิค และความคิดสร้างสรรค์ในแบบที่ตัวเองชื่นชอบ สำหรับเนื้อหาภายในเล่ม…นิตยสารกรวิกแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ อาทิ แฟชั่น สังคม, สัมภาษณ์บุคคล, เรื่องยาว เรื่องสั้น เรื่องแปล, กิน เที่ยว จับจ่าย และ ประจำฉบับ เราได้อ่านเรื่องยาว ‘เงาในดวงตา’ จาก สิริมา อภิจาริน ‘เนื้อใน’ จาก กฤษณา อโศกสิน บทที่ 51 ต่อยอดมาจากนิตยสารลลนา เช่นเดียวกับ ‘ดอกและดวงของนางสาวดวงดอกไม้’ ของเพไนย เพียงศูนย์ นอกเหนือไปจากคอลัมน์ประจำอย่าง ‘โภชนารมย์’ ของ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่ถอดแบบมาจากเมนูบ้านท้ายวังในลลนา ‘เหินลม’ ที่ถอดแบบมาจากคอลัมน์ริมสวนของ คนเดิม รวมถึง ‘ดวงตามดาว’ และ ‘ตอบตามดวง’ โดย กาลโยค เอาเข้าจริงๆ แล้ว…นิตยสารกรวิกเล่มนี้มีรูปเล่มและหน้าตารวมถึงเนื้อหาข้างในแทบจะโขกนิตยสารลลนาในยุคสุดท้ายอย่างไม่มีผิดเพี้ยน เรียกว่าถ้าปิดหัวนิตยสารไว้ แล้วบอกว่านี่คือลลนา ก็เชื่อตามนั้น แต่ไม่รู้ทำไม…ถ้าจำไม่ผิด นิตยสารกรวิกออกมาได้เพียงแค่สิบกว่าเล่มก็หายหน้าหายตาไปจากแผงนิตยสารเมืองไทย ล้มหายตายจากไปอย่างถาวร ไม่สมกับที่คุยเอาไว้ในหน้า บ.ก. แถลง ว่าเป็นลูกในไส้ เป็น ‘ลูกสาวคนเล็กสุดของเนชั่นฯ’ เลย #EatPrayLive #ฉบับปฐมฤกษ์ #นิตยสาร #นิตยสารผู้หญิง #สิ่งพิมพ์ #นิตยสารแฟชั่น #แม็กกาซีน #สื่อสิ่งพิมพ์ #ลลนา #กรวิก

4/15/2024, 1:00:00 PM

Walking in and towards a new season! #eatpraylive Praying for clarity, peace and favor. God is never surprised.

4/15/2024, 2:44:54 AM

ร้านอร่อย ช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ใครไปเที่ยวพักผ่อนที่หัวหิน แล้วเบื่อร้านอาหารริมทะเลที่คนเยอะ กว่าจะได้โต๊ะนั่ง ต้องรอแล้วรออีก แถมพอได้โต๊ะ จะสั่งอะไร จานนั่นก็หมดจานนี้ก็หมด สรุปได้สั่งแต่จานที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาชิมอย่างเช่น ไข่เจียว วันนี้เลยขอแนะนำให้เปลี่ยนบรรยากาศ มาลองชิมอาหารจีน ใจกลางเมืองหัวหินกันดูบ้าง รับรองว่าจะรู้สึกเหมือนได้ชิมอาหารจีนแนวสตรีท ฟู้ด เหมือนที่ฮ่องกง ขนาดนั้นเลยทีเดียว ร้านนี้มีชื่อว่า ‘ชากวางตุ้ง’ ชื่อร้านก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นร้านอาหารจีนกวางตุ้ง จุดเด่นของอาหารจีนกวางตุ้งนั้น อยู่ที่การเน้นรสชาติเดิมๆ ของเนื้ออาหาร จึงมีรสชาติอ่อน ไม่เน้นการปรุงแต่งมากมาย เน้นความสดของวัตถุดิบ และเน้นวิธีการปรุงที่สามารถรักษาความสดดั้งเดิมของเนื้ออาหารเอาไว้ อย่างเช่นการนึ่ง เมื่อได้ปลาสดมา จะนึ่งโดยใส่ซีอิ๊วแต่เพียงเล็กน้อย โรยหน้าด้วยขิงอ่อนซอย และต้นหอมหั่นท่อน ง่ายๆ เพียงแค่นี้ก็ได้เมนูปลานึ่งที่ได้รสหวานสดจากเนื้อปลาอย่างเต็มที่แล้ว เมนูที่ ‘ชากวางตุ้ง’ มีทั้งเมนูติ่มซำ เนื้อสัตว์ต่างๆ ทั้งเป็ดย่าง ไก่ซีอิ๊ว ไก่นึ่งขิง ไปจนถึงจานหลักอย่าง ปลาต้มผักกาดดอง มะเขือยาวผัดปลาเค็ม หมูสามชั้นผัดพริก ไก่ผัดพริกแห้ง มาโปเต้าหู้ ไปจนถึงเมนูอย่างก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ต่างๆ ทั้งน้ำและแห้ง สารพัดโจ๊ก ไปจนถึงก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้ต่างๆ ที่ร้านนี้ไม่เรียกก๋วยเตี๋ยวหลอด แต่เรียกน้ำนมข้าวนึ่งแทน อย่างเช่น น้ำนมข้าวนึ่งเนื้อวัว และน้ำนมข้าวนึ่งกุ้ง ทุกเมนูของร้านนี้…รสชาติกลมกล่อม อร่อยใช้ได้ทุกเมนู ที่มาแล้วต้องลองชิมให้ได้ คือเมนูผักหน้าตาจืดๆ ที่ชื่อมันฝรั่งผัดเปรี้ยวกับกระเทียม ที่หน้าตาซีดๆ ไม่มีสีสัน ดูไม่น่าอร่อย แต่พอได้ชิมแล้ว แทบจะถอนคำพูดไม่ทันเอาเลยทีเดียว ร้านอาหารจีน ‘ชากวางตุ้ง’ อยู่ในซอยหัวหิน 55 ตรงสี่แยกระหว่างถนนแนบเคหาสน์กับถนนชมสินธุ์ หาไม่อยากเลย ที่ยากกว่าหลายสิบเท่าคือที่จอดรถ ซึ่งต้องจอดรถริมถนนข้างทาง ส่วนราคานั้นถือว่าปานกลาง ไม่ถูกและไม่แพงสำหรับอาหารจีนกวางตุ้งที่อร่อยซะขนาดนี้ มีคนบ่นว่าร้านนี้รอนาน ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเจ้าของร้านลงครัวเองกับผู้ช่วยอีกแค่คนเดียว นอกจากโทรไปจองโต๊ะแล้ว อาจจะต้องสั่งเมนูที่อยากชิมเอาไว้ล่วงหน้า น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับในช่วงเทศกาลแบบนี้ แต่รับรองว่า ‘ชากวางตุ้ง’ เป็น ‘ร้านอร่อย’ อีกร้านหนึ่งของหัวหินอย่างจริงแท้และแน่นอน #EatPrayLive #ร้านอร่อย #ร้านอร่อยหัวหิน #ร้านอาหารจีนชากวางตุ้ง #อาหารจีนกวางตุ้ง #อาหารจีนหัวหิน #ของอร่อย #หน้าร้อน

4/14/2024, 1:00:00 PM

สุขสันต์…วันสงกรานต์ เราหลายๆ คนรู้กันแต่ว่าเทศกาลสงกรานต์นั้น แต่เดิมคือเทศกาลขึ้นปีใหม่ หรือขึ้นศกใหม่ แต่จริงๆ แล้ว สงกรานต์นั้น ไม่ใช่ประเพณีของพวกเราชาวไทยแต่เพียงกลุ่มเดียว แต่ยังพบได้ในลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนาม ชาวจีนในมณฑลยูนานของจีน ไปจนถึงแขกศรีลังกา สันนิษฐานว่าประเพณีสงกรานต์นั้นได้รับวัฒนธรรมมาจากประเพณีโฮลีในอินเดีย สงกรานต์ เป็นคำในภาษาสันสกฤต หมายถึงการเคลื่อนย้าย โดยเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายการประทับในจักรราศี หรือการเคลื่อนเข้าสู่ปีใหม่ตามความเชื่อของไทยและเพื่อนบ้านเรา ประเพณีสงกรานต์นั้นมีสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณคู่กับตรุษ หมายถึงการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จึงมักเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์  แต่เดิมวันสงกรานต์ในแต่ละปี จะขึ้นอยู่กับการคำนวณทางดาราศาสตร์ แต่ในปัจจุบันได้มีการกำหนดวันที่แน่นอน คือ ตั้งแต่ 13 – 15 เมษายน  เมื่อถึงวันที่ 13 เมษายนของทุกๆ ปี เราเรียกวันนี้ว่า ‘วันสงกรานต์’ แต่เดิม…เราถือว่าวันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ด้วยเช่นกัน เพิ่งมายกเลิกเอาในปี พ.ศ. 2483 ในสมัยรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยประกาศให้วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2484 เป็นวันขึ้นปีใหม่แทน เพื่อให้เป็นสากลสอดคล้องกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในอดีต…พิธีสงกรานต์เป็นพิธีกรรมภายในครอบครัว หรือแค่ชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง พิธีสงกรานต์ในสมัยโบราณจะใช้น้ำเป็นองค์ประกอบหลักของพิธี ต้อนรับช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ในวันนี้…สมาชิกในครอบครัวจะสรงน้ำพระพุทธรูปประจำบ้านเพื่อความเป็นศิริมงคล บรรพบุรุษที่ล่วงลับ รดน้ำดำหัวพร้อมกับขอพรจากญาติผู้ใหญ่ เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่อย่างความสุข ในปัจจุบัน…พิธีกรรมเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ แต่ได้ขยับขยายกลายเป็นมหกรรมรื่นเริง มีการจัดงานตามวัดวาอาราม สถานที่ราชการ หรือตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อให้หนุ่มๆ สาวๆ ได้ทำบุญ ประกอบพิธีทางพุทธศาสนา และสนุกสนานกับการเล่นสาดน้ำกันได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยังได้กลายเป็นประเพณีกลับบ้าน สำหรับใครที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด ไม่ต่างไปจากเทศกาลตรุษจีนของชาวจีน วันที่ 14 เมษายน จึงกลายเป็นวันครอบครัวสำหรับคนไทยไปอีกหนึ่งวัน ทุกครั้งที่เทศกาลสงกรานต์มาถึง ถึงแม้อากาศจะร้อนระอุสักเท่าใดก็ตาม แต่ก็นำมาซึ่งความสุขความชื่นใจให้กับทุกๆ คนในครอบครัว สุขสันต์วันสงกรานต์ #EatPrayLive #วันสำคัญ #วันหยุดราชการ #วันสงกรานต์ #13เมษายน #วันครอบครัว

4/13/2024, 1:00:00 PM

สวัสดี…วันปีใหม่ไทย ๒๕๖๗ สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยโบราณ สงกรานต์เป็นประเพณีของไทยที่สืบทอดกันมาอย่างช้านาน คำว่า ‘สงกรานต์’ เป็นคำสันสกฤต หมายถึง การผ่าน หรือ การเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี วันที่ ๑๓ เมษายน เป็น ‘วันเริ่มต้นปีใหม่’ ทั้งนี้เป็นเพราะจากช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์โคจรผ่านจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษนั้น โลกโคจรเป็นมุมฉากกับดวงอาทิตย์จึงมีกลางวันและกลางคืนยาวเท่ากันพอดี วันสงกรานต์เป็นวันทำบุญใหญ่ประจำปี มี ๓ วันคือวันส่งท้ายปีเก่า(วันที่ ๑๓ เมษายน) วันกลางหรือวันเนา(วันที่ ๑๔ เมษายน) วันขึ้นปีใหม่หรือวันเถลิงศก(วันที่ ๑๕ เมษายน) สงกรานต์เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่ครั้งโบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ เพราะคำว่า ’ตรุษ’ นั้นเป็นภาษาทมิฬ แปลว่าการสิ้นปี เมื่อวันสงกรานต์ตรงกับวันใดของแต่ละปี จะมีนางสงกรานต์ประจำวันนั้นๆ วันมหาสงกรานต์ ตรงกับ วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน เวลา ๒๒ นาฬิกา ๑๗ นาที ๒๔ วินาที จันทรคติ ตรงกับ วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือนห้า(๕) ปีมะโรง นางสงกรานต์นามว่า นางมโหธรเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกสามหาว (ผักตบชวา) อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จนอนลืมตา มาเหนือหลังมยุรา (นกยูง) เป็นพาหนะ เกณฑ์พิรุณศาสตร์ ปีนี้ อังคาร เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก ๓๐๐ ห่า ตกในเขาจักรวาล ๑๒๐ ห่า ตกในป่าหิมพานต์ ๙๐ ห่า ตกในมหาสมุทร ๖๐ ห่า ตกในโลกมนุษย์ ๓๐ ห่า เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีตุล ชื่อวาโย (ธาตุลม) น้ำพอประมาณ พายุจัด เกณฑ์นาคราชให้น้ำ ปีนี้ นาคราชให้น้ำ ๗ ตัว ทำนายว่า ฝนแล้ง เกณฑ์ธัญญาหารชื่อ วิบัติ ข้าวกล้าในไร่นา จะเกิดกิมิชาติ คือ มีด้วงแมลงรบกวน ข้าวกล้า จะได้ผล ๑ ส่วน เสีย ๕ ส่วน บ้านเมืองจะเกิดยุทธสงคราม จะฆ่าฟันกัน จะนิราชจากกัน จะฉิบหายเป็นอันมากแลฯ* อ่านแล้ว…อย่าเพิ่งสติแตกกระเจิง คงต้องตั้งสติกันใหม่ให้ดีๆ เท่าที่ผ่านมาหลายปี คนไทยเราต่อสู้ เผชิญปัญหา เผชิญวิกฤตหลากหลายกันมาอย่างมีน้ำอดน้ำทน จนดูเหมือนมีภูมิคุ้มกันต้านทานอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว ขอให้ทุกๆ คนสู้ต่อไป ตั้งมั่นอยู่ในความดี มีศีลและธรรม แล้วเราจะก้าวผ่านปีนี้ไปอย่างราบรื่น อยู่รอดปลอดภัยในที่สุด สวัสดีวันปีใหม่ไทย 🙏🏻 #EatPrayLive #วันสำคัญ #วันหยุดราชการ #วันสงกรานต์ #วันครอบครัว #ประเพณีไทย #สงกรานต์ #วันขึ้นปีใหม่ไทย #13เมษายน

4/13/2024, 2:00:00 AM

กลิ่นอาย…วินเทจ พรุ่งนี้เป็นวันสงกรานต์…วันขึ้นปีใหม่ไทย และยังถือว่าเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติอีกด้วย วันที่พุทธศาสนิกชนและคนไทย ถือเป็นวันดี วันมงคลในการสรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวบุพการี ผู้สูงอายุที่เคารพรักและนับถือ เพื่อความเป็นสิริมงคล จะมีสินค้าอยู่ประเภทหนึ่งที่ขายได้และขายดีเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ นั่นก็คือน้ำอบไทย วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับน้ำอบไทยที่อยู่คู่กับคนไทยมานานกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว นั่นก็คือ ‘น้ำอบนางลอย’ มีบันทึกเอาไว้ว่า ‘น้ำอบนางลอย’ เริ่มต้นจากร้านผลิตและจำหน่ายน้ำอบไทย ดินสอพอง และแป้งร่ำมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 โดยผู้ก่อตั้งคือคุณยายเฮียง ธ.เชียงทอง ทำให้ลูกค้ารู้จักร้านนี้กันในนามของร้านน้ำอบนางลอยของแม่เฮียง เล่ากันว่าในยุคแรก น้ำอบนางลอยได้รับความนิยมเพราะสรรพคุณของกลิ่นที่หอมติดทนนานกว่าใคร ใช้วิธีขายด้วยการยกโอ่งทั้งโอ่งไปตั้งในตลาด ให้ลูกค้านำภาชนะจากบ้านมากรองใส่เอง ก่อนจะเปลี่ยนมาบรรจุขวดติดฉลากอย่างที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ ปัจจุบันน้ำอบนางลอย ยังคงใช้กรรมวิธีการผลิตเหมือนเมื่อครั้งคุณยายเฮียงปรุงและผลิตขาย ด้วยการปรุงแบบทำมือ สูตรน้ำอบดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 6 คุณยายเฮียง คิดค้นสูตรหลังจากได้รู้จักกับน้ำหอมของชาวตะวันตกที่เข้ามาค้าขายในบ้านเรา โดยนำหัวน้ำหอมมาผสมกับสมุนไพร แป้ง ออกมาวางขายในตลาดนางลอย เขตจักรวรรดิ แม้ในตอนนั้นน้ำอบของคุณยายจะยังไม่มีชื่อ แต่เพราะเป็นของใหม่และสรรพคุณความหอมที่ติดทนนาน จึงเกิดกระแสปากต่อปากถึงชื่อเสียงน้ำอบของคุณยายเฮียง ที่ตลาดนางลอย จนกลายมาเป็นชื่อเรียกน้ำอบนี้ว่า น้ำอบนางลอย ของยายเฮียง และเมื่อได้รับความนิยมมากขึ้นๆ จึงมีการบรรจุใส่ขวดแก้วขายในชื่อของน้ำอบนางลอย โดยชื่อแบรนด์ ขวดบรรจุ แม้แต่ฉลาก ยังคงทุกอย่างเหมือนในอดีตเมื่อครั้งคุณยายเฮียงเคยทำไว้จนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันน้ำอบนางลอยมีอายุถึง 109 ปีแล้ว บริหารจัดการโดยทายาทรุ่นที่สี่ของคุณยายเฮียง นั่นก็คือคุณดิษฐพงศ์ ธ.เชียงทอง และหวังที่จะส่งต่อให้กับลูกชายในรุ่นที่ห้า เพื่อสืบทอดกิจการต่อไป และเชื่อว่าจะอยู่เคียงข้างคนไทย และเมืองไทยไปอีกนานแสนนาน #EatPrayLive #วันสำคัญ #สงกรานต์ #วันปีใหม่ไทย #วันผู้สูงอายุแห่งชาติ #น้ำอบนางลอย #คุณยายเฮียงธเชียงทอง #ตลาดนางลอย #พศ2458 #น้ำอบไทย

4/12/2024, 1:00:00 PM

ตำนาน…ดวงใจ บิส ข่าวการเสียชีวิตของคุณตั้ว กีรติ ชลสิทธิ์ เมื่อวันที่ 10 เมษายน ในปี พ.ศ. 2563 สร้างความตกใจและเสียใจให้กับผู้ที่ได้ทราบข่าว โดยเฉพาะผู้คนในแวดวงแฟชั่นและผู้ที่เคยคลุกคลีทำงานใกล้ชิดร่วมกับคุณตั้วมากมายยิ่งนัก ❤️ ตำนานของ ‘ดวงใจ บิส’ และคุณตั้ว กีรติ ชลสิทธิ์ เริ่มต้นเมื่อครั้งตั้งแต่เธอยังเป็นนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเธอได้มีโอกาสทำเสื้อผ้าเพื่อถ่ายแฟชั่นลงนิตยสารลลนาของคุณสุวรรณี สุคนธ์เที่ยง ❤️ ผลงานของคุณตั้วปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงปี พ.ศ. 2519 เป็นเสื้อผ้าแนววัยรุ่นโดยลงเครดิตเป็นเสื้อผ้าจากโรงเรียนสอนตัดเสื้อดวงใจ สะพานมอญที่คุณสมพร ชลสิทธิ์ ผู้เป็นมารดาของคุณตั้วเป็นเจ้าของ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีผลงานของคุณตั้วปรากฏอยู่ในหน้านิตยสารลลนาเป็นระยะๆตลอดมา ❤️ หลังจากจบการศึกษาปริญญาตรี คุณตั้ว กีรติ ได้บินไปเรียนต่อเพิ่มเติมทางด้านแฟชั่นที่กรุงปารีส เมืองหลวงของแฟชั่นโลกอยู่นานหลายปี จนในช่วงกลางปีพ.ศ.2523 ผลงานของคุณตั้ว กีรติ ก็ปรากฏอยู่ในนิตยสารลลนาภายใต้ชื่อ ‘ดวงใจ บิส’ ขึ้นเป็นครั้งแรก ❤️ ในยุคเริ่มต้น…’ดวงใจ บิส’ คือแบรนด์ที่เกิดจากคุณตั้ว กีรติ ร่วมกับคุณแพทริค บูยาเก้ เพื่อนชาวฝรั่งเศส โดยคุณตั้วดูแลทางด้านการออกแบบ และคุณแพทริค รับผิดชอบทางด้านตัดเย็บ ‘ดวงใจ บิส’ เปิดห้องเสื้อขึ้นเป็นครั้งแรกที่โอเรียนเต็ล พลาซ่า ❤️ และนั่นคือบทแรกของตำนาน ‘ดวงใจ บิส’ ที่หลังจากนั้นแบรนด์นี้ก็ติดลมบนในฐานะแบรนด์ Haute Couture จากสุดยอดแฟชั่นดีไซน์เนอร์ของเมืองไทยอยู่นานหลายสิบปี ก่อนที่จะมาถึงจุดเปลี่ยนของเศรษฐกิจและทิศทางของแฟชั่นไทยในช่วงปลายทศวรรษ 90 เมื่อแฟชั่นแบรนด์ชั้นสูงจากต่างประเทศต่างทะลักกันเข้ามาในบ้านเรา ทำให้ดีไซน์เนอร์ไทยต่างต้องปรับตัวกัน โดยหันมาทำเสื้อผ้าแบบ Custom Made คือรับสั่งตัดกับลูกค้าเจ้าประจำเป็นหลักแทน ❤️ ถึงแม้จะมีคู่แข่งเกิดขึ้นใหม่อย่างมากมายทั้งไทยทั้งเทศ…’ดวงใจ บิส’ ยังคงดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้นต่อมาอีกนาน มีลูกค้าประจำอย่างเหนียวแน่น ก่อนที่คุณตั้วจะประกาศยุติการดำเนินกิจการลงในปีพ.ศ.2560 เพื่อใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทไปกับการดูแลมารดาในช่วงสุดท้ายของชีวิตท่าน ❤️ และนั่นคือตำนานของ ‘ดวงใจ บิส’ และ ‘กีรติ ชลสิทธิ์’ ผู้ที่เคยสร้างสีสันให้กับวงการแฟชั่นไทยให้สว่างไสว เจิดจ้ามาแล้วในอดีต ❤️ #EatPrayLive #วันเสียชีวิต #10เมษายน #กีรติชลสิทธิ์ #แฟชั่น #ดีไซน์เนอร์ #ยุค80 #ดวงใจบิส #ตำนานแฟชั่นไทย

4/11/2024, 1:00:00 PM

คาลิล ยิบราน กวี นักประพันธ์ และจิตรกร เป็นชาวเลบานอน - อเมริกัน เกิดที่เลบานอนในปี ค.ศ. 1883 ก่อนอพยพไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกากับมารดาและเครือญาติในปี ค.ศ. 1895 เข้าเรียนในโรงเรียนที่บอสตัน และเริ่มโชว์พรสวรรค์ทางด้านศิลปะเป็นครั้งแรก จนต่อมามีผลงานศิลปะจัดแสดงที่อาร์ต แกลเลอรีในปี ค.ศ. 1904 และมีผลงานทางด้านการประพันธ์เป็นภาษาอารบิกในปีถัดมา คาลิล ยิบราน มีผลงานการประพันธ์เป็นภาษาอังกฤษเล่มแรก คือ The Madman, His Parables and Poems ที่ภายในเล่มมีภาพประกอบจากฝีมือการวาดของเขาเอง ตีพิมพ์จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1918 ในขณะที่เขาเริ่มต้นเขียน The Prophet ในช่วงเวลาเดียวกัน ผลงาน The Prophet หรือ ‘ปรัชญาชีวิต’ ของคาลิล ยิบราน มีเนื้อหากล่าวถึงสัจธรรมชีวิตในทุกด้าน ตั้งแต่การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความรัก การงาน การแต่งงาน ฯลฯ มาร้อยเรียงเป็นบทกวีที่เข้าถึงง่าย ผู้คนต่างยกบทกวีในหนังสือเล่มนี้ให้เป็นแรงบันดาลใจ และเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ได้รับการแปลมากกว่า 100 ภาษา และได้รับการบันทึกให้เป็นหนึ่งในหนังสือที่ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆมากที่สุดเล่มหนึ่งของโลก รวมถึงเป็นหนึ่งในหนังสือที่ขายดีที่สุดตลอดกาลอีกด้วย คนไทยเรารู้จักคาลิล ยิบราน กับผลงานอย่าง The Prophet เป็นครั้งแรกโดย ‘ระวี ภาวิไล’ หรือ ศาสตราจารย์ ดร.ระวี ภาวิไล ผู้แปลผลงานของคาลิล ยิบราน อาทิ สาธนา ทรายกับฟองคลื่น ปีกหัก รวมถึง ‘ปรัชญาชีวิต’ เล่มนี้ ใช้เวลาอยู่นานหลายปี กว่าที่จะแปลครบและแก้ไขจนพอใจ จนได้ต้นฉบับที่สมบูรณ์พร้อมตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในราวๆปี พ.ศ. 2504 โดยสำนักพิมพ์บริการทอง ของอาจารย์ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา และพิมพ์ซ้ำโดยสำนักพิมพ์เคล็ดไทย อีกถึงห้าครั้ง ก่อนที่จะมาเป็นสำนักพิมพ์กะรัต ในปี พ.ศ. 2530 และ 2532 แบบที่เห็นในภาพนี้ และพิมพ์ซ้ำต่อมาอีกหลายครั้ง โดยสำนักพิมพ์ผีเสื้อในเวลาต่อมา คาลิล ยิบราน เสียชีวิตในวันนี้…10 เมษายน ค.ศ. 1931 ในขณะที่มีอายุแค่ 48 ปีที่สหรัฐอเมริกา แต่ร่างของเขาได้ถูกนำกลับมาฝังไว้ในอารามที่บ้านเกิดในเลบานอนตามความประสงค์ของเขา ที่ในปัจจุบันได้กลายเป็น Gibran Museum หรือพิพิธภัณฑ์ยิบราน เลยขอนำผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซของเขามาแนะนำเพื่อรำลึกถึงกวีผู้ยิ่งใหญ่กันในวันนี้ #EatPrayLive #วันจากไป #วันเสียชีวิต #10เมษายน #หนังสือ #นวนิยาย #วรรณกรรม #นักเขียน #บทกวี #ปรัชญาชีวิต #คาลิลยิบราน #theprophet #ระวีภาวิไล

4/10/2024, 1:00:00 PM

ปกหลัง นานแล้วที่ไม่ได้นำ ‘ปกหลัง’ มาให้ได้ชมกัน จนเมื่อได้มาเห็นปกหลังของนิตยสารคุณหญิง ฉบับเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2512 ด้วยภาพโฆษณาของผ้าอนามัย ‘โกเต็กซ์’ เมื่อ 55 ปีที่แล้ว ในเวลานั้น…ผ้าอนามัยถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับบ้านเรา การมีประจำเดือนของผู้หญิงในยุคนั้นดูเป็นเรื่องลี้ลับ น่าละอายอยู่หน่อยๆ เวลาไปซื้อสินค้าประเภทนี้ตามร้านขายของชำ คนขายถึงกับต้องห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ปกปิดให้ แถมเวลาใส่ถุง ยังแยกถุงไม่รวมกับของใช้อื่นๆ อีกตังหาก…ลี้ลับขนาดนั้นเลยทีเดียว ‘โกเต็กซ์’ หรือ Kotex น่าจะเป็นผ้าอนามัยแบรนด์แรกของโลก เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1920 หรือ ปี พ.ศ. 2463 โดยบริษัทอเมริกันที่ชื่อ คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค หรือ Kimberly-Clark เมื่อแรกเริ่ม…ผลิตจากวัสดุชื่อ Cellucotton ที่เหลือใช้จากการผลิตผ้าพันแผลสำหรับใช้ในสนามรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 แม้แต่ในต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์นี้ก็ไม่ได้รับความนิยมในหมู่สุภาพสตรีมากนักในระยะแรก เริ่มจากการวางขายอยู่ตามโรงพยาบาล ต่อมาถึงได้วางขายตามร้านค้า ร้านขายยา หรือ Pharmacy แถมเป็นสินค้าแรกๆ ที่นำวิธี Self Service มาใช้ โดยวางไว้ให้ผู้ซื้อเป็นผู้หยิบสินค้าเอง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง ลดความกระดากอายในการบอกความต้องการซื้อแก่คนขาย โกเต็กซ์ น่าจะเป็นผ้าอนามัยแบรนด์แรกที่วางจำหน่ายในบ้านเราเช่นกัน โดยมีคู่แข่งสำคัญคือ เซลล็อกซ์ หรือ Cellox และในภายหลังมีแบรนด์อื่นๆ ตามมาอย่าง แซนิต้า เลดี้ ฯ แต่ที่ขายดีที่สุด คนรู้จักมากที่สุดน่าจะเป็นโกเต็กซ์นี่แหล่ะ เพราะคำๆ นี้ได้กลายเป็น Generic Name หรือ ชื่อเรียกทั่วไปที่คนในยุคนั้นใช้เรียกแทนผ้าอนามัย เหมือนกับที่เรียกแฟ้บ เมื่อหมายถึงผงซักฟอก หรือ เป็ปซี่ เมื่อหมายถึงน้ำอัดลมโคล่า หรือ มาม่า สำหรับคนยุคนี้ที่หมายถึงบะหมี่สำเร็จรูป ‘ปกหลัง’ ครั้งนี้ เป็นหน้าโฆษณาผ้าอนามัยโกเต็กซ์ ด้วยภาพของหญิงสาวหัวเราะเริงร่าอย่างมีความสุข ขณะเดินเล่นอยู่ริมทะเล สื่อให้เห็นถึงความสุขแบบไร้กังวลของผู้หญิง พร้อมคำมั่นสัญญา ‘โกเต๊กซ์เท่านั้น ที่มีรอยซึมซับอันนุ่มนวล’ อารมณ์ต่างจากตอนซื้อ…ที่อาจจะไม่มั่นใจ มีกังวลอยู่หน่อยๆ แถมแอบเหนียมอายนิดๆ ตอนบอกคนขาย เพราะคนขายจะนกรู้ได้ในทันทีว่าตัวเอง…ถึง ‘วันนั้นของเดือน’ อีกแล้ว #EatPrayLive #ปกหลัง #นิตยสาร #นิตยสารเก่า #สื่อสิ่งพิมพ์ #ไลฟ์สไตล์ #แม็กกาซีน #โฆษณา #โฆษณาผ้าอนามัย #โกเต็กซ์ #โฆษณาในอดีต

4/9/2024, 1:00:00 PM

นน รัตนคุปต์ ชื่อนี้การันตีว่าไม่มีลลเนี่ยน หรือแฟนนิตยสารลลนาในอดีตคนไหนไม่รู้จักอย่างแน่นอน ‘นน รัตนคุปต์’ เป็นทั้งนักวาดภาพประกอบ และนักเขียนเรื่องสั้นให้กับลลนา งานเขียนของ ‘นน รัตนคุปต์’ คือความแปลกใหม่สำหรับวงการวรรณกรรมไทยในตอนนั้น ได้รับเสียงตอบรับจากผู้อ่านเป็นอย่างดี จนทำให้คุณสุวรรณี สุคนธเที่ยง บรรณาธิการลลนาและเจ้าของสำนักพิมพ์ดวงตา ถึงกับนำเรื่องสั้นของ ‘นน รัตนคุปต์’ มารวมเล่ม…เป็นพ็อคเก็คบุ๊กในชื่อ ‘รวมเรื่องสั้น นน รัตนคุปต์’ ‘นน รัตนคุปต์’ เป็นนามปากกาของคุณนนทิชัย รัตนคุปต์ ในยุคที่เขียนเรื่องสั้นและวาดภาพประกอบให้กับนิตยสารลลนาอยู่นั้น คุณนนทิชัย รับราชการอยู่กองหัตถศิลป กรมศิลปากร จากข้อมูลบนปกหลังของพ็อคเก็ตบุ๊ก…คุณนนทิชัยเป็นชาวจังหวัดเพชรบุรีโดยกำเนิด จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ชอบทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่เป็นศิลป ชอบงานเขียนของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช, อุษณา เพลิงธรรม, Victor Hugo, Albert Camus, Saint-Exupéry ผู้แต่งวรรณกรรมเด็ก ‘เจ้าชายน้อย’ ชอบเพลงของ Paco Harlum เจ้าของบทเพลง A Whiter Shade of Pale เช่นเดียวกับที่ชอบ The Beatles และ Don Mcclean นับถือ ‘ศศิวิมล’…รัก’ศิลป พีระศรี’ ‘เฟื้อ หริพิทักษ์’ และ ‘สุวรรณี สุคนธา’ ‘รวมเรื่องสั้น นน รัตนคุปต์’ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ดวงตาในปี พ.ศ. 2522 จำหน่ายในราคา 25 บาท เป็นการรวมเรื่องสั้น 12 เรื่องที่เคยลงตีพิมพ์ในนิตยสารลลนา ถ้าเราเปรียบงานเขียนของ ‘นน รัตนคุปต์’ เป็นภาพเขียน ก็คงเปรียบได้กับภาพเขียนในแนวเหนือจริงหรือ Surrealism ที่ดูสวยงามเกินจริงทั้งเรื่องราวและสีสัน เหมือนผู้ประพันธ์ตั้งใจปาดน้ำหมึกลงบนหน้ากระดาษด้วยเนื้อเรื่องที่ออกแนวดาร์กๆ และแต่งแต้มสีสันด้วยสำบัดสำนวนที่แหลมคม ประชดประชันเกินจริง ไม่ต่างไปจากสไตล์งานเขียนของ Albert Camus ที่เจ้าตัวชื่นชอบเลยแม้แต่น้อย งานเขียนของ ’นน รัตนคุปต์’ มีให้อ่านอยู่เนืองๆ ในนิตยสารลลนา จนเมื่อนิตยสารลลนาปิดตัวลงในปี พ.ศ. 2538 หลังจากนั้นก็น้อยครั้งนักที่เราจะได้อ่านเรื่องสั้นจากนามปากกา’นน รัตนคุปต์’ อีก เหลือแต่งานเขียนเก่าๆ อย่างในพ็อกเก็ต บุ๊กเล่มนี้ที่หยิบขึ้นมาอ่านครั้งใด ก็ประทับใจไม่ต่างจากการได้ไปยืนชมภาพเขียนดีๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวเหนือจริง ที่สวยด้วยฝีแปรงและการลงสี… ดุจชิ้นงาน ‘มาสเตอร์พีซ’ ตามมิวเซียม…นั่นเลยทีเดียว #EatPrayLive #นนรัตนคุปต์ #เรื่องสั้น #ลลนา #พ็อคเก็ตบุ๊ก #หนังสือ #วรรณกรรม #นักเขียน #นักประพันธ์

4/8/2024, 1:00:00 PM

ปกสวย ในอดีต…เมื่อถึงหน้าร้อน เราจะเห็นนิตยสารวางแผงกันด้วยปกชุดว่ายน้ำ ต้อนรับซัมเมอร์กันอย่างเอิกเกริก หลายๆ ปก เซ็กซี่ได้ใจ จนกลายเป็นปกในตำนานมาจนถึงทุกวันนี้ อย่ากระนั้นเลย วันนี้…เรามาคลายร้อนด้วยการด้วยการชมปกรับลมร้อนของนิตยสารในอดีตกันดีกว่า ‘ปกสวย’ ครั้งนี้มาจากนิตยสารดิฉัน นิตยสารที่อยู่คู่กับคนไทยมานานกว่า 40 ปี โดยฉบับแรกเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ.2520 ดิฉันเล่มนี้เป็นฉบับที่ 4 ปักษ์แรก 15 เมษายน 2520 เป็นฉบับต้อนรับลมร้อน มีคุณเพ็ญพร ไพฑูรย์ เป็นนางแบบขึ้นปก เคยเขียนถึงคุณเพ็ญพร ไพฑูรย์ มานับครั้งไม่ถ้วนว่าในยุคนั้น เธอคือซูเปอร์โมเดลเบอร์หนึ่งของเมืองไทย ทั้งบนปกนิตยสาร และบนแคทวอล์คของแฟชั่นโชว์ต่างๆ เราจะได้เห็นเธออยู่บนทุกปก ทุกโชว์อยู่ตลอดเป็นระยะเวลาหลายปี สำหรับดิฉันฉบับนี้ ไปถ่ายทำแฟชั่นเซ็ตกันที่โรงแรมสยามเบย์ชอร์ พัทยา ที่ในยุคนั้นคือโรงแรมที่หรูทันสมัยที่สุดในพัทยา เป็นโรงแรมแห่งแรกของตระกูลสุโกศล หรือกลุ่มโรงแรมสุโกศลในปัจจุบัน เปิดให้บริการครั้งแรกในปี พ.ศ. 2518 ปัจจุบัน…ยังคงเปิดให้บริการ ภายใต้ชื่อ สยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา สำหรับภาพแฟชั่นในเล่ม…นอกจากคุณติ๋ม เพ็ญพร ไพฑูรย์แล้ว ยังมีนายแบบนางแบบท่านอื่น อย่างคุณตุ๋ย นวลปรางค์ ตรีชิต ซูเปอร์โมเดลอีกท่านหนึ่งในยุคนั้น คุณโอ๋ ชัยรัตน์ เทียบเทียม นักร้องเพลงป็อปเกากีตาร์โปร่ง เจ้าของเพลง’สุขาอยู่หนใด’ จากภาพยนตร์วัยรุ่นเรื่องวัยอลวนที่ดังระเบิดเถิดเทิงทั้งหนังทั้งเพลง และท่านสุดท้ายคือนางแบบที่ชื่อโอ๋เหมือนกัน แต่ไม่ได้มีการบอกชื่อ นามสกุลจริงไว้ในหน้าแฟชั่น ส่วนเสื้อผ้าเป็นการผสมผสานจากหลายๆ แบรนด์ชื่อดังในยุคนั้น อย่างไข่บูติค ร้าน 334 บนชั้นสาม สยามเซ็นเตอร์ กางเกงยีนส์ลีวายส์ ไปจนถึงชุดว่ายน้ำจากแบรนด์ไทรอัมพ์ แฟชั่นเซ็ตนี้ถ่ายภาพโดยคุณไกรวุฒิ โกวงศ์ และคุณปองลิขิต ยวดยง ควบคุมซึ่งคงหมายถึงดูแลคอนเซ็ปต์และภาพรวมของแฟชั่นเซ็ตนี้ โดยคุณภาณุ อิงคะวัต ที่ปัจจุบันกลายเป็นปูชนียบุคคลวงการโฆษณาของเมืองไทยไปแล้ว หวังว่าภาพปกสวยในครั้งนี้ คงจะช่วยให้คุณคลายร้อนไปได้บ้าง…ไม่มากก็น้อย #EatPrayLive #ปกสวย #นิตยสาร #แฟชั่น #นางแบบ #ดิฉัน #เพ็ญพรไพฑูรย์ #หน้าร้อน #ซัมเมอร์

4/7/2024, 1:00:00 PM

มกุฏ อรฤดี นักเขียนเจ้าของนามปากกา ’นิพพานฯ’ และ ‘วาวแพร’ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2555 กับผลงานชิ้นเอกที่มีชื่อว่า ‘ผีเสื้อและดอกไม้’ หนึ่งในวรรณกรรมเยาวชนเรื่องเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งของเมืองไทย ‘ผีเสื้อและดอกไม้’ เริ่มตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2518 ลงเป็นตอนๆลงในนิตยสารสตรีสาร หลังจากนั้นเรื่องราวของ ‘ฮูยัน’ เด็กชายมุสลิมที่ครอบครัวมีฐานะยากจน ก็ได้ปรากฏสู่สายตาของนักอ่านเป็นครั้งแรก ความประทับใจที่คนอ่านมีต่อ ‘ฮูยัน’ และ ‘มิมปี’ เพื่อนหญิงในวัยเดียวกัน คือมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่งดงามของคนสองคน ที่ถึงแม้จะทุกข์ยากด้วยความจน แต่ก็คอยช่วยเหลือ สนับสนุน เป็นกำลังใจให้กันและกัน งดงามเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างผีเสื้อและดอกไม้ ที่มิมปีเคยเปรยไว้ว่า “ผีเสื้อนี่โชคดีนะ เกิดมาได้เจอของสวยๆงามๆทั้งนั้นเลย” เมื่ออ่านงานเขียนชิ้นนี้จบลง สิ่งที่วรรณกรรมชิ้นนี้ต้องการจะสื่อ คือไม่ว่าชีวิตของเราจะต้องผจญกับความทุกข์ยากขนาดไหนก็ตาม ขออย่าได้ละทิ้งความฝัน ขอให้ทำฝันนั้นให้เป็นจริง ในระหว่างทางเดินของชีวิต…ไม่มีใครที่จะหนีพ้นความผิดหวังไปได้ แต่ขอให้เรายังคงเชื่อมั่นในคุณธรรมและเชื่อมั่นในการทำคุณงามความดี…เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ในอนาคตอย่างแน่นอน ‘ผีเสื้อและดอกไม้’ ได้รับรางวัลจากการประกวดหนังสือแห่งชาติปี พ.ศ. 2521 และได้รับการจัดให้เป็น 1 ใน 100 เล่มหนังสือดีที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน รวมเล่มพิมพ์เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2521 โดยสำนักพิมพ์ดอกไม้ ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ของคุณมกุฏ อรฤดีเอง ในภาพคือเวอร์ชั่นพิมพ์เป็นครั้งที่ 5 ที่เปลี่ยนชื่อเป็นสำนักพิมพ์กะรัต ในปี พ.ศ. 2528 ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมาเป็นสำนักพิมพ์ผีเสื้ออีกครั้งในภายหลัง วันนี้…6 เมษายน เป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณมกุฏ อรฤดี เลยขอนำวรรณกรรมชิ้นเอกของท่านมานำเสนอกันอีกครั้งในวันนี้ ด้วยความเคารพรักและศรัทธา ………………………… #EatPrayLive #วันเกิด #6เมษายน #หนังสือ #นวนิยาย #วรรณกรรม #ผีเสื้อและดอกไม้ #นิพพานฯ #มกุฏอรฤดี #ศิลปินแห่งชาติ #สตรีสาร #พศ2518 #การประกวดหนังสือแห่งชาติ #สำนักพิมพ์ดอกไม้ #สำนักพิมพ์กะรัต #สำนักพิมพ์ผีเสื้อ

4/6/2024, 1:00:00 PM

สำรับอร่อย ข้าวแช่เป็นเมนูโบราณ ที่สันนิษฐานว่าถือกำเนิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ หลายคนเชื่อว่าข้าวแช่เกิดขึ้นจากการประดิดคิดค้นจากในรั้วในวัง แต่จริงๆ แล้วข้าวแช่เดิมนั้นเป็นอาหารพื้นบ้านของชาวมอญ นิยมทำสังเวยเทวดาและถวายพระสงฆ์ในตรุษสงกรานต์ และผู้ที่นำข้าวแช่เข้ามาเผยแพร่ในวังคือ เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น พระสนมเอกในรัชกาลที่ ๔ ซึ่งท่านเป็นชาวมอญ ข้าวแช่สูตรมอญดั้งเดิมของเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น ยังจับใจผู้ที่ได้ลิ้มลองแม้แต่รัชกาลที่ ๕ ทรงกล่าวถึงข้าวแช่ของเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นไว้ว่า หากจะกินข้าวแช่ก็ต้องข้าวแช่เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น ข้าวแช่ของท่านมีโอกาสขึ้นโต๊ะเสวยมาถึง ๓ รัชกาล ตั้งแต่รัชกาลที่ ๔ จนถึงรัชกาลที่ ๖ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทุกครั้งที่เสด็จประพาสต้นแถบพระนครศรีอยุธยา เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นมักสั่งการให้ลากแพที่เป็นเรือนครัวไปรอรับเสด็จล่วงหน้าและแปลงแพเรือนครัวเป็นห้องต้นเครื่องถวายทุกครั้ง ซึ่งบรรยากาศและเรื่องราวเหล่านี้ยังคงถ่ายทอดมาจนสมัยรัชกาลที่ ๖ ที่ยังคงเคารพรักและติดรสมือของเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นเสด็จมาเยี่ยมเยียนถึงวัง (กรมพระนเรศร์ฯ) เสมอโดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์รัชกาลที่ ๖ ต้องเสด็จมาอวยพรและรดน้ำทุกปีมิเคยขาด ข้าวแช่ถือเป็นหัวใจของประเพณีสงกรานต์ของคนมอญเชื่อกันว่าเป็นอาหารวิเศษ สะอาด และบริสุทธิ์กว่าอาหารอื่นใด ปรุงเพื่อบูชาเทวดา แสดงความกตัญญูรู้คุณต่อบรรพบุรุษและสร้างบุญสร้างกุศล วัฒนธรรมการกินข้าวแช่ของชาวมอญมีมานาน แต่ไม่มีหลักฐานว่าเกิดขึ้นสมัยใด แต่มีข้อมูลเรื่องเล่าเกี่ยวกับข้าวแช่ที่เข้าสู่พระราชวัง โดยเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นพระสนมเอกในรัชกาลที่ ๔ ซึ่งเป็นชาวมอญได้ทำถวาย สืบเนื่องมาจากการเสด็จฯ แปรพระราชฐานของรัชกาลที่ ๔ ไปประทับที่พระราชวังพระนครคีรี (เขาวัง) ครั้งนั้นมีเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น เชื้อสายมอญทางเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี) ได้ติดตามไปถวายงานรัชกาลที่ ๔ ที่พระราชวังพระนครคีรีด้วย และคาดว่าในครั้งนั้นเองที่ข้าวแช่ของเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นได้รับการถ่ายทอดไปยังห้องเครื่อง บ่าวไพร่ สนมกำนัลได้เรียนรู้และแพร่หลายไปยังสามัญชนย่านเมืองเพชรบุรีในที่สุด ข้าวแช่…เป็นเมนูแปลกที่มีทั้งคนชอบและคนเกลียด บางคนถึงกับออกปากว่าเหมือนข้าวต้มใส่น้ำแข็ง แต่สำหรับผู้ที่หลงรักข้าวแช่แล้ว ข้าวแช่คือคอมฟอร์ทฟู้ดแบบไทยๆ ที่แสนอร่อย ชื่นใจ คือ ‘สำรับอร่อย’ ที่ใครหลายๆ คน เฝ้ารอคอยในทุกหน้าร้อน #EatPrayLive #สำรับอร่อย #สำรับชาววัง #ของอร่อย #อาหารชาววัง #ข้าวแช่ #summerrice #เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น

4/5/2024, 1:00:00 PM

สิ่งที่แม่บ้านควรทราบ สมัยก่อน…ภรรยาที่ดีควรมีคุณสมบัติแม่บ้านที่ดีอีกด้วย แม่บ้านที่เก่งสารพัดในการดูแลบ้านช่อง อาหารการกิน ปรนนิบัติสามีและครอบครัวอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ถึงจะได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดศรีภรรยา สุดยอดมารดา สุดยอดแม่บ้านแม่เรือน ในยุคนั้น (ยุคไหนก็เถอะ) ผู้หญิงจึงต้องขวนขวายเรียนรู้เคล็ดลับกลเม็ดเด็ดพรายต่างๆ เป็นความรู้ติดตัวไว้สำหรับเวลาออกเหย้าออกเรือน เผลอๆ ถ่ายทอดความรู้และเคล็ดลับเหล่านี้เป็นมรดกตกทอดให้กับลูกๆ หลานๆ ของตัวเองอีกด้วย หนังสือเล่มนี้ ‘สิ่งที่แม่บ้านควรทราบ’ มาจากคอลัมน์ชื่อเดียวกันนี้ที่เคยตีพิมพ์ลงในนิตยสารลลนา เป็นการรวบรวมเกร็ดความรู้ต่างๆ สำหรับแม่บ้าน โดยจัดแยกแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ประเภท เช่น อาหาร การทำความสะอาด การเย็บปักถักร้อย ฯลฯ รวบรวมโดยคอลัมนิสต์เจ้าของนามปากกา ‘ดุจลดา’ ‘ดุจลดา’ เป็นนามปากกาของ น.อ. หญิง ลัดดา สารชวนะกิจ สำเร็จการศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในช่วงที่รับราชการ เคยได้รับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบำรุงเลี้ยง จัดทำสูตรอาหารของทหารประจำการ รวม 450 สูตร เพื่อให้ทหารรับประทานอาหารครบ 3,600 แคลอรี สูตรอาหารนี้ได้แจกจ่ายให้หน่วยทหาร กองพัน กองร้อย สำหรับคิดรายการอาหาร และคิดจำนวนเงินเพื่อขอเบิก ‘ดุจลดา’ สนใจงานบ้านงานเรือนและงานครัว และมีงานอดิเรกเป็นนักเขียน มีผลงานในแนวนี้อย่าง ‘อาหารทำขาย’ เพื่อให้ผู้ที่หางานทำไม่ได้ คิดที่จะทำอาหารขาย ‘คู่มือเข้าครัว’ เพื่อให้ผู้หญิงที่รับหน้าที่เป็นแม่บ้าน ได้รู้แนวทางเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ รวมทั้งเคล็ดลับในการทำครัว เพื่อประหยัดทั้งเงินและแรงงาน และ ‘สิ่งที่แม่บ้านควรทราบ’ เล่มนี้ เป็นอีกหนึ่งผลงานที่เขียนขึ้นจากความรักความชอบทางด้านนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วเคล็ดลับหรือความรู้เหล่านี้ ไม่จำเป็นที่แม่บ้านเท่านั้นที่ควรจะรู้ แต่ใครๆ ต่างก็ควรรู้ไว้ ยุคที่ทุกๆ คนมีสิทธิ์ที่จะต้องลงครัว ซักผ้า ทำความสะอาดบ้านเท่าเทียมกัน ‘สิ่งที่แม่บ้านควรทราบ’ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ดวงตา จำหน่ายในราคา 18 บาท น่าจะตีพิมพ์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2521 ถึงแม้จะอ่านใน พ.ศ. นี้ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ยังคงมีคุณค่า อ่านแล้วถือว่าคุ้มค่าสำหรับความรู้เล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันแบบนี้ #EatPrayLive #หนังสือ #วรรณกรรม #หนังสือเก่า #สิ่งที่แม่บ้านควรทราบ #ดุจลดา #ลลนา #ผู้หญิง #แม่บ้าน #การบ้านการเรือน

4/4/2024, 1:00:00 PM

มองปั๊ป...จับใจ Hutschenreuther ที่อ่านว่า ‘ฮันเช่น-รอย-เธอร์’ นั้น เป็นชื่อตระกูลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในการผลิตเครื่องกระเบื้องหรือพอร์ซเลนของเยอรมนีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1814 หรือเมื่อ 208 ปีที่แล้ว ถือกำเนิดในเมือง Hohenberg an der Eger แคว้นบาวาเรีย โดยผู้ก่อตั้งคือ นาย Carolus Magnus Hutschenreuther ที่เริ่มต้นจากการค้าขายเครื่องกระเบื้องตามเมืองต่างๆ ในแถบบาวาเรีย และให้กับสปาต่างๆ ในแคว้นโบฮีเมีย สาธารณรัฐเชคโกสโลวาเกีย ต่อมา…เขาได้พบการสะสมของหินที่ชื่อ Kaolin หรือ Kaolinite บริเวณใกล้กับแม่น้ำในเมือง Eger มีคุณสมบัติในการนำมาผลิตเครื่องกระเบื้องสีขาวได้อย่างสวยงาม เขาจึงเริ่มลงมือผลิตและวาดเครื่องกระเบื้องขายด้วยตัวเอง และก่อตั้งโรงงานขึ้นสำเร็จในปี ค.ศ. 1822 และสืบทอดกิจการนี้ต่อมาโดยภรรยาและบุตรชายสองคนเมื่อเขาได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1845 ในภายหลัง…บุตรชายคนโตของเขา Lorenz Hutschenreuther ได้แยกออกมาเปิดกิจการเอง โดยใช้ชื่อว่า Porzellanfabriken Lorenz Hutschenreuther AG Selb หรือ Lorenz Hutschenreuther Porcelain Factories Company, Selb กิจการของเขาประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าธุรกิจดั้งเดิมที่บิดาทิ้งไว้ให้ แบรนด์ Hutschenreuther of Selb กลายเป็นแบรนด์พอร์ซเลนเยอรมันรายแรกที่สามารถเทียบเคียงแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Wedgwood ของอังกฤษในด้านคุณภาพและความสวยงาม ทำให้ในเวลาต่อมา เขาสามารถซื้อกิจการเดิมของบิดา และควบรวมทุกอย่างมาอยู่ภายใต้แบรนด์เดียว คือ Hutschenreuther ได้เป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ. 1969 ด้านหลังของจานสวยใบนี้ นอกจากโลโก้ของผู้ผลิตแล้ว ยังมีลายเซ็นของศิลปินผู้วาด และคำว่า Starling Month of April ทั้งภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน กำกับไว้อีกด้วย สำหรับฝรั่งแล้ว…เดือน April เป็นเดือนที่มีความหมายไม่แพ้เดือนเมษายนของไทยเรา ตั้งแต่ในสมัยโบราณ ชาวโรมันเรียกขานเดือนนี้ในภาษาละตินว่า Aprilis ซึ่งมีความหมายแปลว่า To Open อันหมายถึงเวลาที่ใบไม้และดอกไม้เริ่ม ‘เปิด’ หรือฟื้นคืนชีพ กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง จานใบนี้เฉลิมฉลองความหมายของคำว่า April หรือ Aprilis ด้วยภาพต้นไม้ในตระกร้าที่ออกดอกบานสะพรั่ง ซึ่งเดาว่าคือดอก Snowpea อันเป็นดอกไม้ของเดือน April นั่นเอง พร้อมกับนกเกาะบนกิ่งไม้ ที่นอกจากจะ ‘มองปั๊ป…จับใจ’ แล้ว ยังสื่อถึงความมีชีวิตชีวาของเดือนนี้ได้เป็นอย่างดี #EatPrayLive #มองปั๊ปจับใจ #จานชาม #เซรามิก #แฟชั่น #เครื่องกระเบื้อง #ของแต่งบ้าน #พอร์ซเลน #ถ้วยชามรามไห #Hutschenreuther #april

4/3/2024, 1:00:00 PM

ปกสวย นิตยสารลิปส์ ได้อัญเชิญพระสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ขึ้นปก ฉบับปักษ์หลัง มีนาคม 2558 เนื่องในโอกาสที่พระองค์ท่านเจริญพระชนมายุ 5 รอบ 60 ชันษา ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 จากฝีมือการถ่ายภาพของคุณนิติกร กรัยวิเชียร ‘60 พรรษา มหาจักรีสิรินธร’ คือธีมของการนำเสนอเนื้อหานิตยสารฉบับนี้ นอกจากเนื้อหาประจำในเล่มแล้ว ยังประกอบไปด้วยบทความพิเศษต่างๆ เกี่ยวกับสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ เริ่มจากบทความ ‘เจ้าหญิงในหทัยราษฎร์’ เรียบเรียงโดยสาวิตรี ที่บอกเล่าถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่านทั้งศาสตร์และศิลป์ทุกแขนง ผ่านพระราชกรณียกิจมากมาย รวมถึงพระอัจฉริยะภาพทางด้านอักษรศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมทุกสาขา บทความ ‘ผู้ทรงเป็นที่รักของทุกคน’ โดย สนิทสุดา เอกชัย บอกเล่าเรื่องราวในอดีต เมื่อครั้งผู้เขียนเรียนอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีเดียวกับพระองค์ท่าน บทความ ‘มหาจักรีสถิตในใจประชา’ ที่สัมภาษณ์บุคคลที่ได้เคยถวายงานพระองค์ท่าน อาทิ ท่านผู้หญิงอังกาบ บุณยัษฐิติ ดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ คุณสมฤดี อมาตยกุล และคุณพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา ทำให้นิตยสารลิปส์ฉบับนี้ เลอค่าทั้งหน้าปกและเนื้อหาด้านใน เนื่องในวันนี้คล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เวียนมาบรรจบอีกครั้ง ขอถวายพระพร…ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน #EatPrayLive #วันสำคัญ #สมเด็จพระเทพ #วันพระราชสมภพ #2เมษายน #นิตยสารลิปส์

4/2/2024, 1:00:00 PM

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี กรมสมเด็จพระเทพฯ เมื่อแรกประสูติทรงได้รับการถวายพระนามจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญานวงศ์ ว่า ‘สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์’ ซึ่งแปลว่านางแก้ว อันหมายถึง หญิงผู้ประเสริฐ และมีพระนามที่ข้าราชบริพารเรียกทั่วไปว่า ‘ทูลกระหม่อมน้อย’ สำหรับพระนาม ‘สิรินธร’ นั้น นำมาจากสร้อยพระนามของเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ซึ่งทรงเป็นสมเด็จพระราชปิตุจฉา (ป้า) ในพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพิตร ส่วนพระนาม ‘กิติวัฒนาดุลโสภาคย์’ ประกอบขึ้นจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบุพการีสามพระองค์ ได้แก่ ‘กิติ’ มาจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง พระมารดา ส่วน ‘วัฒนา’ มาจากพระนามาภิไธยเดิมของ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า นั่นคือ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี สมเด็จพระปัยยิกา (ย่าทวด) และ ‘อดุล’ มาจากพระนามาภิไธยของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระอัยกา (ปู่) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เป็นเจ้านายฝ่ายในพระองค์ที่ ๑๔ ในราชวงศ์จักรี ที่ทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็น ‘สมเด็จพระ’ และเป็นครั้งแรกที่สถาปนาพระอิสริยยศนี้แก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า อีกทั้งยังเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์แรกที่ได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศ ‘สยามบรมราชกุมารี’ ๒ เมษายน…คล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ผู้จัดทำเพจ และผู้ติดตามเพจ Eat . Pray . Live ………………………… ภาพต้นฉบับผลงานของ รองศาสตราจารย์ อาวิน อินทรังษี อาจารย์ประจำคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร #EatPrayLive #วันสำคัญ #สมเด็จพระเทพ #วันพระราชสมภพ #2เมษายน #ทรงพระเจริญ

4/2/2024, 1:30:00 AM

ขอต้อนรับเข้าสู่เดือนเมษายน ถ้าถามคนไทยว่าเดือนไหนเป็นเดือนที่คนไทยรอคอยที่สุด รื่นเริงบันเทิงใจที่สุด คงมีคนไม่น้อยเลยทีเดียวที่จะตอบว่าเดือนเมษายน เดือนที่เราเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ เดือนที่เราจะนึกถึงหาดทราย ชายทะเล และคิดถึงเมื่อครั้งยังเด็กที่เดือนนี้คือ เดือนที่โรงเรียนต่างหยุดปิดเทอมใหญ่…มันคือสวรรค์ดีๆ ขนาดนั้นเลยทีเดียว และแน่นอนเมื่อนึกถึงเดือนเมษายน คนไทยเราจะนึกถึงเทศกาลสงกรานต์ก่อนเป็นลำดับแรก ส่วนตัวแล้ว…คนเขียนสัมผัสได้ว่าเสน่ห์ของเทศกาลสงกรานต์ที่แท้จริงนั้น น่าจะอยู่ที่วันหยุดยาวที่เปิดโอกาสให้คนไทยเราได้เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ต่างจังหวัด มากกว่าประเพณีสาดน้ำหรือความรื่นเริง เหมือนกับคนจีนที่จะกลับบ้านในช่วงตรุษจีน อีกหนึ่งความสุขในช่วงหน้าร้อน หรือในเดือนเมษายนที่เราจะข้ามไปไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั้น โดยเฉพาะใครที่เป็น ’สายกิน’ ด้วยแล้ว นั่นก็คือของอร่อยที่มีแต่เฉพาะในช่วงนี้ เมื่อถึงหน้าร้อน…เมนูแรกที่ ‘สายกิน’ จะต้องนึกถึงก่อนขึ้นมาในทันที คือ ‘ข้าวแช่’ หรือที่มีใครไม่รู้ตั้งชื่อเป็นภาษาฝรั่งเอาไว้ว่า ‘Summer Rice’ ที่ทุกหน้าร้อนแม่ครัวหัวป่าก์ทั้งหลายต่างลุกขึ้นมาทำข้าวแช่ต้อนรับหน้าร้อนขายกันให้เอิกเกริก ตามสูตรเฉพาะของตัวเองที่ได้รับเป็นมรดกตกทอดมา ตบท้ายด้วยของหวานประจำฤดูกาลอย่าง ‘ข้าวเหนียวมะม่วง’ ความอร่อยหอมหวานของมะม่วงสุกกับความนุ่มหวานมันของข้าวเหนียวมูนราดด้วยกะทินั้น เป็นของหวานที่ในช่วงนี้…เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม แม้อุณหภูมิจะพุ่งสูงปรี้ดขึ้นไปสักแค่ไหนก็ตาม แต่เดือนนี้ยังมีสิ่งดีๆ รอเราอยู่มากมาย มาดูกันดีกว่า…ว่าขึ้นเดือนที่สี่ของปีกันแล้ว มีเรื่องอะไรดีๆ รอเราอยู่บ้าง พรุ่งนี้…วันที่ 2 เมษายน คือคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ร่วมถวายพระพรชัย ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน สิ่งที่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา คือเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะยาวนานถึง 21 วัน โดยรัฐบาลมุ่งหวังที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยการจัดกิจกรรม ‘มหาสงกรานต์ World Songkran Festival’ สำหรับวันหยุดราชการรวมถึงวันหยุดชดเชย จะเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 12 เมษายน ยาวไปจนถึงวันอังคารที่ 16 เมษายน รวมถึง 5 วันกันเลยทีเดียว ขอให้เดือนนี้เป็นเดือนที่ดีสำหรับทุกๆ ท่าน ถึงแม้อากาศจะร้อน อุณหภูมิรวมถึงค่าฝุ่นจะพุ่งสูงขึ้นไปเป็นเท่าไหร่ก็ตาม ขอให้เราร้อนแต่กาย อย่าได้ร้อนใจ…ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตามด้วยเลย #EatPrayLive #เดือนใหม่ #เมษายน #ปีใหม่ไทย #เทศกาลสงกรานต์2567

4/1/2024, 1:30:00 AM

หลวงวิจิตรวาทการ หนึ่งในผู้ที่ได้รับการยกย่องในฐานะราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ นักปราชญ์ นักประวัติศาสตร์ นักการเมือง นักปาฐกถา นักประพันธ์ คนสำคัญท่านหนึ่งของเมืองไทย ในความเป็นนักปราชญ์และนักประพันธ์ ท่านเป็นเจ้าของผลงานทั้งคติพจน์ บทเพลง บทละคร จนถึงผลงานประพันธ์มากมายหลายสิบเรื่องอย่างที่เราคุ้นชื่อกันดี เป็นเจ้าของบทประพันธ์ อาทิ ห้วงรักเหวลึก พานทองรองเลือด ฟากฟ้าสาละวิน ‘ดอกฟ้าจำปาศักดิ์’ เป็นอีกหนึ่งผลงานการประพันธ์ที่เกิดขึ้นจากความประทับใจในนครจำปาศักดิ์ ที่ท่านเคยได้รับหน้าที่ให้เข้าไปดูแลในช่วงเวลาที่ประเทศไทยเคยได้ดินแดนนี้กลับคืนมาจากกรณีพิพาทอินโดจีนในปี พ.ศ. 2484 ก่อนที่จะคืนให้ฝรั่งเศสอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง นวนิยาย ย้อนยุคกลับไปสู่ปี พ.ศ. 2362 เรื่องราวความรักของเจ้าหญิงสุดาดวงกับชายสามัญชน ว่ากันว่าต้นแบบแรงบันดาลใจนางเอกใน ‘ดอกฟ้าจำปาศักดิ์’ คือเจ้าเฮือนหญิงผ่องใสสุดาจันทน์ ณ จำปาศักดิ์ ในชีวิตจริงนั้น…เจ้าเฮือนหญิงผ่องใสสุดาจันทน์ เป็นธิดาของเจ้ายุติธรรมธร เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ขณะนั้น และผู้ว่าราชการเมืองจำปาศักดิ์ในสมัยที่ลาวตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ในช่วงที่เกิดกรณีพิพาทอินโดจีน ประเทศไทยได้ยึดนครจำปาศักดิ์กลับคืนมาอีกครั้ง เจ้ายุติธรรมธรกลับมารับราชการกับไทยในตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ ได้นำพระโอรสและพระธิดา คือ เจ้าสันประสิทธิ์ และเจ้าเฮือนหญิงผ่องใสสุดาจันทร์ มามอบให้อยู่ในความดูแลของหลวงวิจิตรวาทการ เพื่อให้การศึกษาและอบรมวิชาความรู้แก่เจ้านายทั้งสอง เจ้าเฮือนหญิงผ่องใสสุดาจันทร์ ได้ศึกษานาฏศิลป์ไทย และวิชาในแขนงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกุลสตรีจากกรุงเทพฯ ทำให้พระองค์มีบทบาทเป็นผู้นำของสตรีในยุคพระราชอาณาจักรลาว และทำให้การดนตรีนาฏศิลป์ในนครจำปาศักดิ์เวลานั้นมีความคล้ายคลึงกับไทยมาก ‘ดอกฟ้าจำปาศักดิ์’ พิมพ์ครั้งแรกและครั้งที่สองในช่วงราวๆปี พ.ศ. 2492 โดยสำนักพิมพ์เพลินจิตต์ ก่อนที่จะพิมพ์อีกหลายครั้งในเวลาต่อมา ในภาพคือเวอร์ชั่นพิมพ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2521 โดยสำนักพิมพ์เสริมวิทย์บรรณาคาร และพิมพ์ครั้งสุดท้ายโดยสำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ ในปี พ.ศ. 2542 วันนี้…31 มีนาคม เป็นวันที่ท่านจากไปเมื่อปี พ.ศ. 2505 นับเป็นเวลาได้ 62 ปีแล้ว เลยขอนำประวัติและผลงานของท่าน ทั้งในฐานะข้าราชการ นักการเมือง และนักประพันธ์ มาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ #EatPrayLive #วันเสียชีวิต #31มีนาคม #พศ2505 #หลวงวิจิตรวาทการ #หนังสือเก่า #หนังสือ #วรรณกรรม #นักเขียน #นักประพันธ์ #นักปราชญ์ #ดอกฟ้าจำปาศักดิ์

3/31/2024, 6:40:26 AM

ของที่ระลึก Starbucks หรือ สตาร์บัคส์ เป็นร้านกาแฟสัญชาติอเมริกัน ที่เข้ามาเปิดร้านแรกในเมืองไทย เมื่อปี พ.ศ. 2541 หรือเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาชิดลม แต่ประวัติของแบรนด์สตาร์บัคส์นั้น ย้อนถอยหลังกลับไปไกลกว่านั้นถึง 52 ปีที่แล้ว สตาร์บัคส์เริ่มเปิดคาเฟ่ที่ Pike Place Market ในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ธุรกิจของสตาร์บัคส์เติบโตขึ้นตามวันและเวลา ขยายสาขาเพิ่มขึ้น เริ่มจากในเมืองซีแอตเทิล ค่อยๆ กระจายไปตามเมืองต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา จนถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่าสตาร์บัคส์มีร้านทั้งหมดทั่วโลกในปี ค.ศ. 2022 อยู่ที่ 35,711 สาขา ซึ่งเกือบครึ่งเป็นสาขาที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยในเมืองไทยมีสาขาอยู่ถึง 409 สาขาโดยประมาณ สตาร์บัคส์วางตำแหน่งของแบรนด์เอาไว้ในใจของผู้บริโภคให้เป็น ‘Third Place’ นอกเหนือไปจากบ้านและที่ทำงาน สตาร์บัคส์ทุกสาขาจึงเป็นเสมือนแหล่งพักพิงที่ลูกค้าสามารถมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะนัดจิบกาแฟพูดคุยกับเพื่อนฝูง นัดคุยธุรกิจ นัดประชุม นัดเพื่อนทำการบ้าน นั่งทำงาน ขายของออนไลน์ หรือนั่งจิบกาแฟเงียบๆ เล่นมือถือ หรืออ่านหนังสืออยู่คนเดียว บางสาขาถึงกับเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเชื่อว่าถ้าคุณหลับยาวถึงเช้า ก็คงไม่มีพนักงานคนไหนกล้ามารบกวน หลายๆ คนจึงรักและผูกผันกับแบรนด์สตาร์บัคส์มากกว่าความเป็นแค่กาแฟและร้านกาแฟ ส่งผลให้สินค้าอื่นๆ ที่แปะโลโก้สตาร์บัคส์อย่าง ถ้วยกาแฟ กระเป๋า ถุงผ้า หรือแม้แต่สมุดโน้ต พลอยขายดิบขายดีตามไปด้วย และที่กลายเป็น ‘ของที่ระลึก’ สำหรับ FC สตาร์บัคส์ เวลาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ คือ มัคหรือถ้วยกาแฟที่มีดีไซน์แปะชื่อเมืองหรือชื่อประเทศนั้นๆ ให้ FC สตาร์บัคส์ได้ตามเก็บเป็น ‘ของที่ระลึก’ เมื่อมีโอกาสได้ไปเยือนเมืองนั้นๆ เหมือนอย่างในภาพ ซึ่งคือถ้วยกาแฟสตาร์บัคส์จากนิวยอร์ก ที่คนเขียนได้มาจากร้านสตาร์บัคส์ในห้างสรรพสินค้า Macy’s ที่ถึงแม้ตัวเองจะไม่ใช่ FC แฟนคลับสตาร์บัคส์ตัวยง แต่ความสวยของมัคใบนี้ที่วางอยู่บนชั้นขายของ ก็สวยเตะตาซะจนอดใจไว้ไม่ไหว เลยได้กลายมาเป็น ‘ของที่ระลึก’ จากนิวยอร์กไปในที่สุด #EatPrayLive #ของที่ระลึก #สตาร์บัคส์ #นิวยอร์ก #coffeeculture #starbucks

3/30/2024, 12:00:00 PM

ปกสวย มีใครรู้จักและจำ ‘หอศิลป พีระศรี’ กันได้บ้าง ‘หอศิลป พีระศรี’ หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Bhirasri Institute of Modern Art เป็นหอศิลป์สำหรับจัดแสดงศิลปะสมัยใหม่ หรือ Modern Art เกิดขึ้นจากการสนับสนุนของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี และ ดร. ป๋วย อึ้งภากรณ์ ที่ต้องการให้กรุงเทพฯ มีพื้นที่สำหรับจัดแสดงงานศิลปะสมัยใหม่ ‘หอศิลป พีระศรี’ เปิดให้บริการในยุค 70 ตั้งอยู่ในซอยอรรถการประสิทธิ์ ถนนสาธรใต้ ด้วยรูปทรงสถาปัตยกรรมที่โมเดิร์น ล้ำสมัย แปลกหูแปลกตา เปรี้ยวสุดขีด ทำให้กลายเป็นโลเคชั่นยอดนิยมสำหรับการถ่ายแฟชั่นสำหรับนิตยสารในยุคนั้น อันเป็นที่มาของ ‘ปกสวย’ ในครั้งนี้ที่ใช้ ‘หอศิลป พีระศรี’ เป็นสถานที่ถ่ายทำแฟชั่นเซ็ต เล่มแรก…จากนิตยสารลลนา เล่ม 134 ปักษ์หลัง กรกฎาคม 2521 นางแบบปกคือคุณลิสา พนมยงค์ แฟชั่นจากร้านอ๊อฟ ไวท์ ในซอยสวัสดี ออกแบบโดยคุณป๋อง องอาจ นิระมล ถ่ายภาพโดยน้าแพ็ท คุณศิริสวัสดิ์ พันธุมสุต และคุณนภดล โชตะสิริ อีกเล่ม…จากนิตยสารนิวซิตี้ นิตยสารแบบเสื้อรายเดือนของนิวซิตี้ แบรนด์เสื้อผ้าสำเร็จรูปของเมืองไทยในยุค 70 ฉบับที่ 49 สิงหาคม 2522 มีคุณตุ๊ก ดวงตา ตุงคะมณี เป็นนางแบบขึ้นปก แฟชั่นเล่มนี้เป็นเสื้อผ้าของแบรนด์ Non-No วางจำหน่ายที่นิวซิตี้บูติคทุกสาขา แต่งหน้าโดยคุณโจ ที่คนเขียนเดาว่าน่าจะเป็นคุณโจ กมลวิทย์ เศวตเศรณี ที่เป็นทั้งเมคอัพ อาร์ตติสท์ และดีไซน์เนอร์ห้องเสื้อ Yoursในยุคนั้น ถ่ายภาพโดยคุณวรพันธ์ ลีละชาติ โดยมีหอศิลป พีระศรี และสนามเทนนิส Central Court เป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำ สำหรับใครที่ไม่เคยเห็น ‘หอศิลป พีระศรี’ หรืออยากจะกลับไปเยือนอีกสักครั้ง หลังจากปิดให้บริการไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 ‘หอศิลป พีระศรี’ จะเปิดให้เข้าชมอีกครั้งเพียงสามวันเท่านั้น คือ 28-30 มีนาคมนี้ ด้วยกิจกรรมพิเศษที่ชื่อ ‘Revitalizing Bangkok Through Art and Architecture: A Case Study on BIMA’s Vision for the City’s Future’ ถือว่าเป็นข่าวดี หลังจากที่ ‘หอศิลป พีระศรี’ ปิดร้างมานานถึง 36 ปีเลยทีเดียว #EatPrayLive #ปกสวย #นางแบบ #แฟชั่น #นิวซิตี้ #ดวงตาตุงคะมณี #ลลนา #หอศิลปพีระศรี

3/29/2024, 12:00:00 PM

My Maya, Emma, and Miles…how has it been a year? Time has never moved so fast and so slow…Maya and Miles, you have come so far. You are strong and happy and smart and somehow each of you have my whole full heart. And my little Emmy Bean…I know you are with us to celebrate this day and are a huge reason for your brother and sister’s strength. Somehow I miss you more every day but I am so blessed I get to see you in Maya and I know you are half of her heart and will always be her guidance and protector. Happy birthday my crazy miracles. YOU’RE ONE! 🥳🥳🥳 . . . #happybirthday #one #triplets #fighters #tubielife #heavenlybirthday #eatpraylive

3/28/2024, 8:04:14 PM

มาลัยสามชาย ผลงานการประพันธ์ของ ว.วินิจฉัยกุล ที่ผู้ประพันธ์ได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของสุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่งที่มีศักดิ์เป็นลูกผู้พี่ของมารดา ซึ่งท่านผู้ประพันธ์เรียกท่านว่าคุณป้า ที่ครั้งหนึ่งเคยมีเสียงเล่าลือว่ากันว่าในบรรดาลูกสาวพระน้ำพระยาในสมัยรัชกาลที่ 6 นั้น ถือว่าท่านผู้นี้เป็นสุภาพสตรีที่งามที่สุดในยุคนั้น ‘มาลัยสามชาย’ เป็นเรื่องราวของ ‘ลอออร’ สตรีที่มีชีวิตยืนยาวถึงห้าแผ่นดิน ชีวิตที่เริ่มต้นขึ้นอย่างงดงาม หนทางเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบดั่งเจ้าหญิงในนิยาย แต่ด้วยมรสุมชีวิตและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผันแปรทำให้ ‘ลอออร’ ต้องตัดสินใจแต่งงานถึงสามครั้ง ซึ่งในสมัยนั้นถือเป็นพฤติกรรมที่ยากเกินกว่าสังคมในยุคนั้นจะยอมรับได้ แต่ด้วยความดีและการรู้จักวางตนอยู่ในสังคมอย่างงดงามของลอออร ทำให้คุณค่าของสตรีที่ผ่านการแต่งงานมาถึงสามครั้ง ยังคงได้รับการยอมรับและชื่นชม และยังทรงคุณค่าไม่ต่างไปจากดอกมะลิร้อยพวงมาลัยที่หอมหวานและงดงาม ‘ว.วินิจฉัยกุล’ สร้างตัวละครได้อย่างมีสีสัน ท่ามกลางเรื่องราวโลดโผนต่อการใช้ชีวิต ก่อนที่สุดท้ายแล้ว ผู้แต่งได้ชี้และสรุปให้เห็นถึงความไม่ระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ย่อมทำให้บุคคลนั้นมีแต่ความตกต่ำ ไม่มีความสุข ความเจริญในชีวิต ตรงกันข้ามกับผู้ที่ดำรงตนอยู่ในกรอบของศีลธรรม มีความซื่อตรง ก็จะพบความสุขและผ่านพ้นอุปสรรคในชีวิตไปได้ในที่สุด ‘มาลัยสามชาย’ ตีพิมพ์ลงเป็นตอนๆ เป็นครั้งแรกในนิตยสารพลอยแกมเพชร ได้รับการตอบรับจากคนอ่านเกินคาด ถึงกับติดนิยายเรื่องนี้กันอย่างงอมแงม และเมื่อเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงจุดที่เข้มข้น คุณชุลิตา อารีย์พิพัฒน์กุล บรรณาธิการของพลอยแกมเพชร ถึงกับเคยเขียนเล่าว่ามีคนรู้จักที่สนิทสนมชอบพอกัน ถึงกับมาขออ่านต้นฉบับล่วงหน้า และมีคนถึงกับมารอซื้อนิตยสารถึงที่ออฟฟิศในวันก่อนที่นิตยสารจะวางแผงจำหน่าย ด้วยความกระหายใคร่รู้ว่าเรื่องราวของตัวละครทั้งหลายใน ’มาลัยสามชาย’ นั้นจะออกมาเป็นอย่างไรในตอนต่อไป ‘มาลัยสามชาย’ รวมเล่มเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2550 โดยสำนักพิมพ์ศรีสารา ด้วยภาพหน้าปกและภาพประกอบในเล่มจากฝีมือคุณสุรเดช แก้วท่าไม้ ศิลปินฝีมือเยี่ยมท่านหนึ่งของเมืองไทย และพิมพ์ซ้ำอีกหลายครั้งในเวลาต่อมา นอกจากนี้…‘มาลัยสามชาย’ ยังได้รับรางวัลดีเด่นหนังสือนวนิยาย ในการประกวดหนังสือดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2551 อีกด้วย นับเป็นมาลัยที่หอมกรุ่น งดงาม ทรงคุณค่า…อย่างที่นักอ่านไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง #EatPrayLive #นิยาย #นวนิยาย #วรรณกรรม #มาลัยสามชาย #ววินิจฉัยกุล #นิตยสาร #พลอยแกมเพชร

3/28/2024, 12:00:00 PM

นิตยสาร…วันวาน ‘คุณหญิง’ เป็นนิตยสารผู้หญิงเก่าแก่และมีอายุขัยยืนยาวเล่มหนึ่งของเมืองไทย ด้วยชื่อ ‘คุณหญิง’ และรูปลักษณ์ที่ดูเป็นกุลสตรีไทย เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ แน่นอนว่ากลุ่มคนอ่านคงไม่ใช่ผู้หญิงหัวสมัยใหม่ ทันสมัย หากเป็นผู้หญิงออกแนวคอนเซอร์เวทีฟ เป็นแม่บ้านแม่เรือน ถึงจะทำงานนอกบ้าน แต่ก็ไม่แคล้วเป็นข้าราชการ ครูบาอาจารย์ หรือนางพยาบาลในยุคนั้น ไม่สามารถรื้อหาหลักฐานมาได้ว่านิตยสาร ‘คุณหญิง’ ถือกำเนิดขึ้นในบรรณภิภพเมื่อใด ปี พ.ศ. อะไร แต่ในภาพ…คือนิตยสาร ‘คุณหญิง’ ในช่วงปี พ.ศ. 2511-2513 ที่เมื่อเวลาผ่านมามาถึงยุคนี้กว่า 50 ปีแล้ว กลายเป็นนิตยสารที่มีหน้าตาและรูปลักษณ์ที่ดูโดดเด่น น่าสะสม อีกหนึ่งเล่ม สำหรับผู้ที่รัก ชอบ สะสมนิตยสารเก่าเลยทีเดียว นิตยสาร ‘คุณหญิง’ ในยุคนั้น เป็นนิตยสารผู้หญิงรายเดือน จำหน่ายในราคา 5 บาท เจ้าของและบรรณาธิการผู้พิมพ์และผู้โฆษณา คือคุณชลิต พรหมดำรง ที่ยังรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการ ความโดดเด่นของนิตยสาร ‘คุณหญิง’ ในยุคนั้น อยู่ที่หน้าปกที่ทุกฉบับเป็นภาพวาดของผู้หญิงในแบบไทย โบราณ ด้วยธีมที่แตกต่างกันไป อาทิ ธีมนางในวรรณคดี เมื่อปี พ.ศ. 2511 ธีมการแต่งกายของหญิงไทยในอดีต ในปี พ.ศ. 2512- 2513 ซึ่งภาพวาดเหล่านี้เป็นฝีมือของคุณนพรัตน์ ลิวิสิทธิ์ พร้อมบทความจากปก ที่ค้นคว้าและเรียบเรียงข้อมูลโดยคุณจินตนา ปิ่นเฉลียว ในช่วงปี พ.ศ. 2511 และ น. หาญผล ในช่วงปี พ.ศ. 2512-2513 เนื้อหาด้านในของนิตยสาร ‘คุณหญิง’ ประกอบไปด้วยบทความและเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นที่สนใจของผู้หญิงไทยในยุคนั้น หลายสิบหน้าตลอดทั้งเล่มเป็นภาพแฟชั่นเสื้อผ้าและแบบผมที่ตัดจากนิตยสารต่างประเทศ ในเล่ม…มีนิยายเรื่องยาว อาทิ ‘ฟ้า-ไม่เปลี่ยนสี’ ของ อ. ไชยวรศิลป์ ‘ความดีที่ชั่วร้าย’ ของ อ้อย อัจฉริยกร และบทความประจำอย่าง อาหารโอชา ไขปัญหาชีวิต จัดดอกไม้ แบบผมงามหรู ลิขิตชีวิตจากดวงดาว ไปจนถึงตารางรายการโทรทัศน์ประจำเดือนนั้นๆ นิตยสาร ‘คุณหญิง’ มีอายุยืนยาวต่อจากนี้นานอีกหลายสิบปีมาจนถึงยุคมิลเลนเนียม แต่แตกต่างจากในยุคแรกอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่เจ้าของที่ในภายหลังเป็นของบริษัท โน้ต พับลิชชิ่ง จำกัด ซึ่งไม่มีข้อมูลอีกเช่นกันว่าเริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่ แต่คาดว่าน่าจะหายไปจากแผงในช่วงราวๆ ปี พ.ศ. 2544-2545 นิตยสาร ‘คุณหญิง’ ในยุค 2000 มีหน้าตาและรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย นิยมนำดารานักแสดง และนางงามมาขึ้นปก บางปกถึงกับเป็นชุดว่ายน้ำ ที่ดูเซ็กซี่ ทันสมัย หากดูไม่ ‘ขลัง’…ต่างกับ ‘คุณหญิง’ ในยุคแรกอย่างสิ้นเชิง #EatPrayLive #นิตยสารวันวาน #นิตยสาร #นิตยสารคุณหญิง

3/27/2024, 12:00:00 PM

คนดัง…วันวาน ยุคเซเวนตี้ส์ น่าจะเป็นยุคที่แฟชั่นอเมริกันถึงจุดพีคสุด จุดกระแสให้ผู้คนทั่วโลกได้รู้จักและหันมามองแฟชั่นสไตล์อเมริกัน สั่นคลอนแฟชั่นจากปารีส ที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางแฟชั่นโลก ในยุคนั้น...ใครๆ ต่างก็เริ่มรู้จักอเมริกันดีไซน์เนอร์อย่าง Oscar de La Renta, Bill Blass, Geoffrey Beene รวมถึง Halston Halston ประสบความสำเร็จครั้งแรกกับคอลเลคชั่น Ultraseude ขายดิบขายดีจนขาดตลาดได้รับความนิยมไปทั่วสหรัฐอเมริกา กลายมาเป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์ Halston นั่นคือความโก้แบบมินิมัล และสวมใส่สบาย โดยมี Liza Minnelli ซุปตาร์ดาราสาว เพื่อนสนิทที่คบหากันมาตั้งแต่ครั้งที่เขายังไม่มีชื่อเสียง เป็น Muse ให้กับแบรนด์ Halston ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสำเร็จอย่างท่วมท้นของ Halston พุ่งทะยานเหมือนจรวด ทำให้ Halston กลายเป็นมหาเศรษฐี ร่ำรวยทั้งชื่อเสียงและเงินทองไปในชั่วพริบตา ต่อยอดธุรกิจไปสู่ธุรกิจและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายใต้ชื่อแบรนด์ Halston อีกมากมาย รวมถึงน้ำหอม Halston ที่ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ แน่นอนว่าความสำเร็จ ชื่อเสียงและเงินทองนั้นเป็นดาบสองคม Halston หลงใหลไปกับความสำเร็จและชื่อเสียง ที่มาพร้อมกับยาเสพติด เซ็กส์ และปาร์ตี้แสงสีเสียงของดิสโก้เธค Studio 54 Halston กลายเป็นเซเล็บที่คนทั้งโลกเฝ้าจับตามอง เป็นขาประจำของ Studio 54 ร่วมกับแก็งค์ปาร์ตี้เพื่อนสนิทของเขา อย่าง Andy Warhol อาร์ตติสระดับโลก Mick Jagger กับภรรยาสาวสวย Bienca Jagger และแฟนหนุ่มชาวเวเนซุเอลา Victor Hugo ผู้ที่ชักนำให้เขาได้รู้จักกับยาเสพติด และชีวิตการทำงานของ Halston ก็มาถึงขาลงในยุค 80 เมื่อเขาเริ่มติดยาเสพติดอย่างหนัก และเริ่มหมดไฟในการทำงาน ปฏิเสธที่จะบุกเบิกเทรนด์ใหม่ๆ และธุรกิจใหม่ๆ อย่างดีไซน์เนอร์ ยีนส์ ปล่อยให้คลื่นลูกใหม่อย่าง Calvin Klien เอ็นจอยกับความสำเร็จทั้งชื่อเสียงและยอดขายอย่างท่วมท้น อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นายทุนเริ่มคิดที่จะขายหุ้น Halston Inc. ทิ้ง และทำให้ Halston เอง หลุดจากการดูแลแบรนด์ที่ตัวเองสร้างมากับมือในเวลาต่อมา ในขณะที่ชีวิตส่วนตัวก็ดำดิ่งตกลงถึงจุดต่ำสุดเช่นกัน เมื่อได้รับทราบว่าตัวเองนั้นติดเชื้อ HIV มาจากแฟนหนุ่มของเขา Halston ใช้เวลาที่เหลือ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ก่อนที่จะเสียชีวิตลงในวันนี้…26 มีนาคม เมื่อปี ค.ศ. 1990 ขณะมีอายุได้ 57 ปี และไม่เคยได้กลับมาเป็นเจ้าของแบรนด์ Halston ที่ตัวเองได้สร้างมากับมืออีกเลย #EatPrayLive #แฟชั่นในอดีต #ไลฟ์สไตล์ #แฟชั่น #ความงาม #นางแบบ #ดีไซน์เนอร์ #อเมริกา #Halston #ยุค70 #ยุคเซเว่นตี้ส์ #ดิสโก้ #studio54

3/26/2024, 12:00:00 PM

เพลงฮิต…วันวาน Diana Ross ศิลปินหญิงผิวสีชาวอเมริกัน ผู้ที่ครองตำแหน่งแชมป์ เป็นเจ้าของสถิติต่างๆ มากมายในประวัติศาสตร์วงการดนตรีสากลตลอดหลายสิบทศวรรษที่ผ่านมา Diana Ross หรือ ไดอานา รอส เป็นชาวเมืองดีทรอยต์ ในรัฐมิชิแกน เริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จักกันดีในยุค 60 ในฐานะหนึ่งในสมาชิกและนักร้องนำของวง The Supremes ในสังกัดค่ายเพลงโมทาวน์ ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มนักร้องหญิงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล เมื่อแยกออกมาจากวง The Supremes ในยุค 70 ไดอานา รอส ผันตัวเองมาเป็นศิลปินเดี่ยว หรือ Solo Artist ที่มีผลงานทั้งการร้องเพลง การแสดงภาพยนตร์ โทรทัศน์ และละครเวที ไดอานา รอส กลายเป็นศิลปินหญิงเพลงป็อปในยุค 70 ที่มีเพลงฮิตอย่างมากมาย อัลบั้มแรกของเธอที่ชื่อ Diana Ross ในปี ค.ศ. 1970 บรรจุเพลงฮิตอย่าง Ain’t No Mountain High Enough ที่ขึ้นชาร์ตถึงอันดับหนึ่ง Billboard Hot 100 รวมถึงเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง Reach Out and Touch และเมื่อเธอคลอดอัลบั้มที่สอง Everything is Everything เพลงรักหวานๆ อย่าง I’m Still Waiting ก็ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรก ก่อนที่อาชีพขายเสียงของเธอจะติดลมบน มีเพลงฮิตได้รับความนิยมตามมาอีกมากมาย อาทิ Touch Me In The Morning ในปี ค.ศ. 1973 Theme from Mahogany ในปี ค.ศ. 1975 และเพลงดิสโก้อย่าง Love Hangover ในปี ค.ศ. 1976 ยังไม่รวมถึงเพลงฮิตอีกหลายๆเพลงในช่วงยุคดิสโก้ รวมถึงยุค 90 นอกจากการเป็นนักร้องแล้ว ไดอานา รอส ยังประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดงในช่วงปลายยุค 70 ถึงวันนี้…ไดอานา รอส เป็นศิลปินหญิงที่มีอัลบั้มเป็นของตัวเองถึง 25 อัลบั้ม ขายได้มากกว่า 75 ล้านแผ่นทั่วโลก เป็นศิลปินหญิงที่ครองแชมป์สถิติเจ้าของเพลงฮิตอันดับหนึ่งมากที่สุดในโลก ทั้งในฐานะศิลปินเดี่ยว ศิลปินดูโอ้ ที่ร้องเพลงคู่ และสมาชิกวงทริโอ รวมถึงได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Billboard ให้เป็นศิลปินอันดับที่ 30 จาก 100 ศิลปินยอดเยี่ยมตลอดกาล และล่าสุด…เธอเพิ่งได้รับการเชื้อเชิญจาก Saint Laurent ห้องเสื้อชั้นสูงของปารีส สำหรับการเป็นพรีเซนเตอร์สำหรับแคมเปญโปรโมตคอลเลชั่นล่าสุด นั่นคือ Saint Laurent Spring 2024 Collection พิสูจน์ได้ถึงความเป็นอมตะของเธอ พรุ่งนี้…26 มีนาคม คล้ายวันเกิดของเธอ ที่ในปีนี้คุณป้าไดอานามีอายุครบ 80 ปีแล้ว เลยขอนำเพลงซูเปอร์ฮิตของเธอ Theme from Mahogany มาให้ได้ฟังกันอีกครั้งในวันนี้ #EatPrayLive #เพลงฮิตวันวาน #เพลงฝรั่ง #เพลงดังในอดีต #เพลงฮิต #วันเกิด #26มีนาคม #ไดอานารอส #เพลงในอดีต #dianaross

3/25/2024, 12:00:00 PM

วรรณกรรม…คลาสสิก Around The World in Eighty Days…วรรณกรรมคลาสสิกอีกชิ้นหนึ่งของโลก จากฝีมือการประพันธ์ของ Jules Verne นิยายที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาที่สุดในบรรณภิภพ Jules Verne หรือ จูลส์ เวิร์น เป็นนักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส เขาเป็นนักเขียนคนแรกๆ ที่เขียนนิยายในแนววิทยาศาสตร์ เขียนถึงยานเหาะ หรือเรือใต้น้ำ ก่อนที่จะมีการประดิษฐ์เครื่องบินและเรือดำน้ำในโลกแห่งความจริงเสียอีก Around The World in Eighty Days หรือ ‘80 วันรอบโลก’ เป็นเรื่องราวการผจญภัยของหนุ่มชาวอังกฤษที่ตัดสินใจออกเดินทางรอบโลก หลังจากรับคำท้าจากเพื่อน ด้วยเงินพนันจำนวน 20,000 ปอนด์ ที่จะเดินทางให้สำเร็จภายใน 80 วัน โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของพาหนะในการเดินทางไม่ว่าจะเป็นเรือเหาะ บอลลูน รถไฟ เรือกลไฟ หรือแม้แต่ขี่ช้าง Phileas Fogg หรือ ’ฟีเลียส ฟอกซ์’ กับคนรับใช้ชาวฝรั่งเศส Passepartout หรือ ’ปาสปาตู’ จึงเริ่มออกเดินทางจากกรุงลอนดอน และเริ่มการผจญภัยที่ทั้งสองจะต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในต่างแดนอย่างคาดไม่ถึง จูลส์ เวิร์นเขียนนิยายเรื่องนี้ในปี ค.ศ.1873 เป็นภาษาฝรั่งเศส ก่อนที่จะได้รับความนิยมแปลออกมาเป็นภาษาต่างๆ มากมาย รวมถึงภาษาไทยที่ครั้งหนึ่งเป็นหนังสืออ่านสำหรับเยาวชน ชุดวันหยุดสุดสนุก จัดพิมพ์โดยไทยวัฒนาพานิช หรือที่เราคุ้นตากันดีกับโลโก้อักษรย่อ ท.ว.พ.ในวงกลมสามวงซ้อนกันนั่นเอง นิยายเรื่องนี้ได้เคยสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วในปี ค.ศ.1956 มีดาราชาวอังกฤษ David Niven หรือ เดวิด นิเวน แสดงนำ มีบางฉากถ่ายทำในประเทศไทยด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์ถึง 5 รางวัล จากการเข้าชิงทั้งหมด 8 รางวัล รวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งคือเพลง ‘Around the World’ ขับร้องโดย Nat King Cole และกลายเป็นเพลงฮิตที่คลาสสิคมาถึงทุกวันนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้รีเมคอีกครั้งในปี ค.ศ.2004 แสดงนำโดยดาราชายชาวฮ่องกง แจ็คกี้ ชาน แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่ากับเวอร์ชั่นแรก วันนี้…24 มีนาคม คล้ายวันจากไปของจูลส์ เวิร์น เมื่อปี ค.ศ. 1905 เลยขอนำวรรณกรรมคลาสสิกอีกหนึ่งเล่มที่นักอ่านไม่ควรพลาดมีไว้ในตู้หนังสือ มานำเสนอกันอีกครั้งในวันนี้ #EatPrayLive #วรรกรรมคลาสสิก #วันจากไป #วันเสียชีวิต #24มีนาคม #หนังสือ #วรรณกรรม #นวนิยาย #เรื่องแปล #ภาพยนตร์ #80วันรอบโลก #จูลส์เวิร์น #JulesVerne #Aroundtheworldineightydays

3/24/2024, 12:00:00 PM

วันนี้…วันพระ ………………… มาทำความรู้จักกับวัดแม่นางปลื้ม พระนครศรีอยุธยา วัดโบราณเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น โดยมีตำนานของวัดนี้ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างวัดให้แม่ปลื้ม ชาวบ้านที่มีเมตตา และจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ที่ครั้งหนึ่งเคยให้ที่พักอาศัยค้างคืนแก่สมเด็จพระนเรศวรฯ โดยนึกว่าเป็นชาวบ้านคนหนึ่ง สมเด็จพระนเรศวรได้เสด็จกลับวัง ต่อมาได้จัดขบวนมารับแม่ปลื้มไปชุบเลี้ยงในวัง หลังจากแม่ปลื้มเสียชีวิต สมเด็จพระนเรศวรทรงจัดงานศพให้อย่างสมเกียรติ แล้วทรงสร้างวัดให้แม่ปลื้ม ขนานนามว่า ‘วัดแม่นางปลื้ม’ วัดแม่นางปลื้ม ตั้งอยู่นอกเกาะเมืองอยุธยา ทางทิศเหนือ ที่ตำบลคลองสระบัว อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นทั้งพุทธสถาน โบราณสถาน และสถานที่ท่องเที่ยวที่เก่าแก่ งดงาม โดดเด่น และยังอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะช่วงก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา วัดแม่นางปลื้มถูกใช้เป็นฐานที่พม่ายิงปืนใหญ่เข้าไปในกำแพงพระนคร วัดนี้จึงไม่ถูกเผาทำลายเหมือนเช่นวัดอื่น ๆ ที่ตั้งอยู่ในเกาะเมือง ความประทับใจแรกที่มีต่อวัดนี้ อยู่ที่ความสวยงามของซุ้มประตูเก่าแก่ด้านหน้า สามารถมองทะลุด้านใน เห็นหลวงพ่อขาวองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารได้อย่างเต็มตา หลวงพ่อขาว หรือ พระพุทธนิมิตรมงคลศรีรัตนไตร พระประธานของวัดนี้ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาวตลอดทั้งองค์ มีเพียงพระเกศาเท่านั้นที่เป็นสีดำ พระพักตร์ยิ้มแย้ม ลักษณะสมบูรณ์สง่างาม เชื่อว่าสร้างขึ้นพร้อม ๆ กับวัดแห่งนี้ วิหารหลวงพ่อขาวตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเจดีย์ประธาน เจดีย์ทรงลังกาขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนฐานทักษิณสี่เหลี่ยม บริเวณฐานเจดีย์ปรากฏประติมากรรมปูนปั้นรูปสิงห์ล้อม ซึ่งอาจเป็นการดัดแปลงมากจากคติเจดีย์ช้างล้อมที่นิยมในศิลปะสุโขทัย ด้านหลังของวัด ยังเป็นที่ตั้งของศาลแม่นางปลื้ม และศาลแม่เรไร ให้ผู้ที่เลื่อมใสได้กราบไหว้ขอพรกันอีกด้วย จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา…ที่ถ้ามีโอกาส ต้องมากราบไหว้ มาชมความงามของวัดโบราณเก่าแก่แห่งนี้ ให้เห็นกับตาตัวเองสักครั้ง #EatPrayLive #วันพระ #ธรรมะ #วัดแม่นางปลื้ม #หลวงพ่อขาว #เที่ยวอยุธยา

3/24/2024, 12:30:00 AM

ปกสวย มาคลายร้อนกันด้วย ‘ปกสวย’ ในครั้งนี้ จากนิตยสารดิฉัน ฉบับที่ 218 ปักษ์หลัง 31 มีนาคม พ.ศ. 2529 ที่ไม่ต้องแนะนำกันให้เสียเวลาว่าใครคือนางแบบปก ในยุคนั้นและต่อๆ มาอีกหลายสิบปี คุณเพ็ญพักตร์ ศิริกุล หรือที่ในตอนนี้ผู้คนในวงการบันเทิงต่างเรียกเธอกันว่า ‘แม่ต่าย’ นั้น เป็นเซ็กส์บอมบ์มือวางอันดับหนึ่งของเมืองไทย เป็นดารานางแบบที่ได้ขึ้นชื่อว่าเซ็กซี่ที่สุดในยุคนั้น ถึงหน้าร้อนทีไร เราจะได้เห็นเธอขึ้นปกในชุดว่ายน้ำ เพิ่มอุณหภูมิความร้อนแรงให้กับแผงหนังสือไทยในทุกๆ ปี สำหรับนิตยสารดิฉันฉบับนี้ พาคุณผู้อ่านไปคลายร้อน เที่ยวทะเล ด้วยแฟชั่นเซ็ตชุดว่ายน้ำกันถึงที่โรงแรมภูเก็ต ยอช์ทคลับ จังหวัดภูเก็ต ที่ในยุคนั้นประเทศไทยเพิ่งค้นพบทรัพยากรใหม่ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาล นั่นก็คือการท่องเที่ยว และโรงแรมภูเก็ต ยอช์ทคลับ ในยุคนั้น คือโรงแรมใหม่ล่าสุดที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตอบสนองนโยบาย ปีท่องเที่ยวไทย ซึ่งเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 แล้ว เรามาดูเบื้องหน้าและเบื้องหลังของทีมงานสำหรับแฟชั่นเซ็ตนี้กันค่ะ นางแบบ : เพ็ญพักตร์ ศิริกุล ชุดอาบน้ำ : STEP IN แต่งหน้า : สุคนธ์ สีมารัตนกุล ภาพ : สตูดิโอ 21 สถานที่ : โรงแรม ภูเก็ต ยอช์ทคลับ หาดในหาน จ.ภูเก็ต ขอปรบมือให้ทีมงานทุกๆ ท่าน กับ ‘ปกสวย’ ในครั้งนี้ ที่ยังคงดูสวยร่วมสมัย แม้จะผ่านกาลเวลามาถึง 38 ปีแล้วก็ตาม ………………… #EatPrayLive #ปกสวย #สื่อสิ่งพิมพ์ #นิตยสาร #แม็กกาซีน #ดิฉัน #เพ็ญพักตร์ศิริกุล #ซัมเมอร์ #หน้าร้อน #แฟชั่นชุดว่ายน้ำ

3/23/2024, 12:00:00 PM

สิ่งที่แม่บ้านควรทราบ กรรไกรทื่อ…อย่าทิ้ง วันนี้มีเคล็ดลับวิธีทำให้กรรไกรคมเหมือนใหม่มาฝากกัน สิ่งที่ต้องเตรียมมี Baking Soda น้ำส้มสายชู และน้ำอัดลมสีขาว จะเป็นยี่ห้อสไปร์ท หรือเซเว่น อัพ ได้ทั้งนั้น ตัก Baking Soda 1 ช้อนโต๊ะ เทน้ำส้มสายชู และน้ำอัดลมอย่างละครึ่ง เทลงใส่แก้ว แล้วนำกรรไกรแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที…เป็นอันเสร็จพิธี เราจะได้กรรไกรที่คมเหมือนใหม่กลับมาใช้อีกครั้ง ลองทำดูแล้ว…เห็นว่าวิธีนี้ได้ผลจริง เลยขอปลอมตัวเป็น ‘ดุจลดา’ นำ ‘สิ่งที่แม่บ้านควรทราบ’ มาฝากกันในวันนี้ ……………………… #EatPrayLive #สิ่งที่แม่บ้านควรทราบ #เคล็ดลับ #แม่บ้านงานครัว

3/22/2024, 12:28:40 PM

วรรณกรรม…คลาสสิก พรุ่งนี้… 20 มีนาคม เป็นวันแรกที่หนังสือ ‘กระท่อมน้อยของลุงทอม’ หรือ Uncle Tom’s Cabin ที่แต่งขึ้นโดย แฮเรียต บีเชอร์ สโตว์ ออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1852 หรือเมื่อ 172 ปีที่แล้ว แฮเรียต บีเชอร์ สโตว์ มีอาชีพเป็นครู และเป็นแกนนำที่สนับสนุนการเลิกทาส เธอใช้เวลาว่างในตอนกลางคืนเขียนหนังสือเล่มนี้ โดยใช้ตัวละคร ‘ลุงทอม’ เป็นแกนหลักในการเล่าเรื่องทาสผิวดำผู้ต้องทนทุกข์ทรมานจากการเป็นทาส Uncle Tom’s Cabin เป็นนิยายที่ขายดีที่สุดในศตวรรษที่ 19 และเป็นหนังสือขายดีอันดับสอง เป็นรองก็แต่คัมภีร์ไบเบิ้ลเท่านั้น อีกทั้งได้รับยกย่องว่าเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดการเลิกทาสในช่วงทศวรรษ 1850 มีอิทธิพลต่อทัศนคติที่มีต่อชาวแอฟริกัน-อเมริกัน และพวกทาสในสหรัฐอเมริกาอย่างมาก จนกระทั่งนำไปสู่สงครามกลางเมืองอเมริกาในที่สุด ถึงขนาดเมื่ออับราฮัม ลิงคอลน์ ได้พบกับแฮเรียต บีเชอร์ สโตว์ ในช่วงต้นของสงคราม เขาได้กล่าวกับเธอว่า “นี่หรือ สุภาพสตรีผู้ทำให้เกิดสงครามใหญ่” หนังสือเล่มนี้ใช่แต่จะมีอิทธิพลแต่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังแผ่อิทธิพลมาถึงสยามในยุคนั้นอีกด้วย ว่ากันว่าแหม่มแอนนา ลีโอโนเวนส์ ที่เข้ามาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้กับพระราชโอรสพระราชธิดาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น เป็นผู้ที่นำหนังสือเล่มนี้มาเผยแพร่ในราชสำนัก และเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น หนึ่งในนักเรียนของครูแหม่มแอนนา หลงใหลในนิยายเรื่องนี้มาก ถึงกับเซ็นชื่อในจดหมายถึงครูแหม่มแอนนาว่า ‘Harriet Beacher Stowe Sonklin’ (แฮเรียต บีเชอร์ สโตว์ ซ่อนกลิ่น) เลยทีเดียว หนังสือเล่มนี้ เมื่อมีผู้นำมาแปลเป็นภาษาไทยเป็นครั้งแรก ได้ใช้ชื่อเรื่องว่า ‘กระท่อมน้อยของลุงทอม’ อมราวดี นักเขียนนักแปลชื่อดัง เล่าว่าได้อ่านนวนิยายแปลเรื่องนี้ครั้งแรก เมื่อลงตีพิมพ์ในหนังสือรายเดือน ‘เสนาศึกษา’ เมื่อนานมาแล้ว แต่อ่านได้ไม่จบเรื่องเพราะหยุดพิมพ์ลงกลางคัน ก่อนที่ ‘อ.สนิทวงศ์’ จะนำมาแปลอีกครั้งโดยยังคงใช้ชื่อ ‘กระท่อมน้อยของลุงทอม’ เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้แปลท่านแรกในปี พ.ศ. 2495 ถือได้ว่าเป็นผลงานที่ไม่ได้สร้างแค่ชื่อเสียงให้กับแฮเรียต บีเชอร์ สโตว์ เท่านั้น แต่มีอิทธิพลต่อการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสหรัฐอเมริกา รวมถึงประวัติศาสตร์โลก นักประวัติศาสตร์ไทยเชื่อกันว่าผลงานของแฮเรียต บีเชอร์ สโตว์ เล่มนี้มีอิทธิพลต่อการเลิกทาสในเมืองไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในเวลาต่อมาเช่นเดียวกัน #EatPrayLive #แฮเรียตบีเชอร์สโตว์ #กระท่อมน้อยของลุงทอม #อสนิทวงศ์

3/19/2024, 12:06:01 PM

วันสำคัญ 18 มีนาคม พ.ศ. 2567 ครบรอบ 64 ปี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เมื่อครั้ง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้จัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. 2502 เรียกว่า ‘องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว’ ใช้ชื่อย่อว่า ‘อ.ส.ท.’ พร้อมทั้งแต่งตั้งให้ พลเอกเฉลิมชัย จารุวัสตร์ เป็นผู้อำนวยการคนแรก เมื่อแรกตั้ง…สถานที่ทำการขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (อ.ส.ท.) อาศัยใช้พื้นที่ในอาคารของกรมประชาสัมพันธ์ ต่อมาจึงได้แยกออกมาเปิดดำเนินงาน ณ อาคารเดิมของกรมการศาสนา ริมสนามเสือป่า ถนนศรีอยุธยา ภายหลังมีการติดต่อประชาสัมพันธ์กับต่างประเทศมากขึ้น มีการขยายภาระงานของหน่วยงานเพิ่มขึ้น ในปี พ.ศ. 2505 จึงได้มีการจัดตั้งอาคารสำนักงานขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (อ.ส.ท.) ขึ้นเป็นแห่งที่ 2 ที่ถนนราชดำเนินกลาง เพื่อรองรับการเพิ่มจำนวนกองงานและพนักงาน ต่อมาในปี พ.ศ. 2506 จึงมีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ 2) กำหนดตราสัญลักษณ์ขององค์กร เป็นภาพพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม มีเครื่องบินบินผ่านด้านบน และด้านหน้าเป็นรูปโขนเรือสุพรรณหงส์ พร้อมเติมคำว่า ‘แห่งประเทศไทย’ ต่อท้ายองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็น ‘องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย’ โดยมีชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘Tourism Organization of Thailand’ และใช้อักษรย่อ ‘TOT’ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (อ.ส.ท) จึงได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Tourism Authority of Thailand (TAT) สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 ในปี พ.ศ. 2545 ได้มีการจัดตั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขึ้น ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมปรับโครงสร้างและหน้าที่รับผิดชอบให้ดำเนินการด้านการตลาดส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะ รวมทั้งได้ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่อาคารถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2567 นี้ จึงเป็นช่วงเวลาคล้ายวันสถาปนาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ครบรอบ 64 ปีที่ได้ทำหน้าที่ส่งเสริม สร้างสรรค์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จากวันที่ไม่มีใครรู้จักว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคืออะไร มาจนกระทั่งถึงในวันนี้…ที่รายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศไทย #EatPrayLive #วันสำคัญ #18มีนาคม #อนุสารอสท #นิตยสารอสท #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

3/18/2024, 12:09:35 PM

Bon Appe’tit ถ้าคุณชอบประเทศฝรั่งเศส ถ้าคุณชอบอาหาร และเรื่องราวรอบโต๊ะอาหาร นี่คือ หนังสือของคุณ ‘Bon Appe’tit แสนสำราญงานชิม’ หนังสือแปลที่แปลมาจากหนังสือชื่อเดียวกันของ Peter Mayle ในปี ค.ศ. 2001 ผู้ประพันธ์ Peter Mayle หรือ ปีเตอร์ เมล์ เป็นชาวอังกฤษที่มีชีวิตที่น่าอิจฉามาตั้งแต่เกิด Peter Mayle ย้ายไปอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสในช่วงปลายยุค 80 และที่นั่นคือที่ๆ สร้างแรงบันดาลใจทำให้เกิดหนังสือเล่มที่ชื่อ A Year in Provence ที่กลายเป็นหนังสือขายดีติดอันดับเบสท์ เซลเลอร์ในปี ค.ศ. 1989 และอีกหลายเล่มที่ทยอยตามกันออกมาในภายหลัง รวมถึงหนังสือเล่มนี้ด้วย หนังสือของ Peter Mayle ทั้งหมด จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเสน่ห์ของชีวิตชนบทในฝรั่งเศส วัฒนธรรมอาหารการกินของคนฝรั่งเศส ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชนชาติที่จู้จี้ พิถีพิถันในเรื่องการกินดื่มที่สุดในโลก ในหนังสือเล่มนี้…Peter Mayle พาเราเดินทางไปทั่วฝรั่งเศสด้วยมีด ช้อนส้อม และที่เปิดขวดไวน์ ผู้เขียนพาเราไปเที่ยวเทศกาลขากบที่เมืองน้ำแร่วิตเตล ที่ภูมิประเทศเต็มไปด้วยหนองน้ำ เหมาะกับเป็นที่อยู่อาศัยของกบ และทุกปีผู้คนจากทั่วยุโรปจะต้องเดินทางมาฉลองเทศกาลการชิมขากบกันที่นี่ นอกจากนี้ยังพาเราไปสนุกกับการแข่งขันวิ่งมาราธอน ดู เมด็อก ที่ผู้เข้าแข่งขันต้องวิ่งผ่านไร่องุ่นที่กว้างใหญ่ในแคว้นบอร์โดซ์ และแวะชิมไวน์แทนการดื่มน้ำเปล่าไปตลอดเส้นทาง รวมไปถึงกิจกรรมอื่นๆ แสนแปลก ซึ่งหาได้แต่เฉพาะในประเทศที่ห่วงเรื่องการกินดี อยู่ดีอย่างในฝรั่งเศสเท่านั้น ‘Bon Appe’tit’ ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย รวมถึงภาษาไทยที่แปลโดย นิศารัตน์ สีตะสุวรรณ ภายใต้ชื่อเรื่อง ‘Bon Appe’tit แสนสำราญงานชิม’ ที่พิมพ์ออกมาจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์มติชนในปี พ.ศ. 2547 หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับบุคคลประเภท ’กินง่าย อยู่ง่าย’ แต่ถ้าคุณเป็นพวก Gastronomic บูชา Julia Child และเชื่อในคำของเธอที่ว่า “People who love to eat are always the best people” คุณเอ็นจอยกับการอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างแน่นอน #EatPrayLive #วรรณศิลป์ #หนังสือ #วรรณกรรม #นวนิยาย #นักเขียน #นักประพันธ์ #แสนสำราญงานชิม #บงนัปเปตี #petermayle #bonappetit

3/17/2024, 12:00:00 PM

ขนมอร่อย ฤดูร้อน คือฤดูของมะม่วง ที่เราคนไทยรอคอยทุกปีกับเมนูแสนอร่อยจากมะม่วง โดยเฉพาะเมนูของหวาน…ข้าวเหนียวมะม่วง นอกจากมะม่วงดิบและมะม่วงสุกแล้ว ยังมีการนำเอามะม่วงมาแปรรูปเป็นขนมหรืออาหารในรูปแบบอื่นๆ ที่สามารถเก็บรักษาได้นาน ‘ส้มลิ้ม’ คือหนึ่งในของกินเล่นที่นิยมนำมาแปรรูปตั้งแต่ครั้งสมัยโบราณ คือการนำเอามะม่วงที่สุกพอเหลืองๆ มาสับ แล้วกวนกับน้ำและน้ำตาลทราย เมื่อกวนเสร็จจนได้ที่ค่อยนำมะม่วงที่กวนไว้มาตากแดดเป็นแผ่นกลมเล็กๆบางๆ หลายคนสับสนว่าของกินเล่นนี้ตกลงเรียกว่าอะไรกันแน่ บางคนก็เรียกมะม่วงกวน บางคนเรียกมะม่วงแผ่น และบางคนเช่นคนเขียนจะเรียก ‘ส้มลิ้ม’ โดยคำว่าส้มนั้น มีผู้รู้ให้คำอธิบายว่าไม่ได้หมายถึงชื่อผลไม้ แต่หมายถึงรสเปรี้ยวนั่นเอง แต่คำว่า ‘ส้มลิ้ม’ นั้น ยังหมายถึงของกินเล่นอีกหนึ่งอย่างที่นึกตามแล้วเปรี้ยวปากยิ่งนัก คือการนำมะม่วงดิบและหรือมะยมดิบ มายำกับกุ้งแห้งใส่น้ำปลา น้ำตาล ซึ่งบางคนก็เรียกของกินเล่นนี้ว่า ‘ส้มฉุน’ ไม่ว่าจะเรียกอะไรก็ตาม…ของกินเล่นแสนอร่อยอมเปรี้ยวอมหวานนี้ มีให้ชิมตลอดปี เป็นของกินเล่นที่ใครๆก็ทำได้อร่อย และหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายขนมทั่วไป โดยเฉพาะตามร้านขายของฝากเวลาที่เราเดินทางไปเที่ยว แต่เห็นอร่อยๆเคี้ยวเพลินแบบนี้ อย่าชิมจนเพลินไป…เพราะน้ำตาลท่าทางจะสูงเอาการอยู่ ……………………… #EatPrayLive #ขนมอร่อย #ของกินเล่น #ขนมไทย #มะม่วง #ส้มลิ้ม #มะม่วงแผ่น #ส้มฉุน

3/16/2024, 12:00:00 PM

วันเกิด…นักเขียน คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ เจ้าของนามปากกา ‘ว.วินิจฉัยกุล’ ‘แก้วเก้า’ ‘รักร้อย’ ฯลฯ ที่ได้รับการยอมรับจากนักอ่านมานานหลายสิบทศวรรษ ในฐานะนักประพันธ์บรมครูท่านหนึ่งของวงการวรรณกรรมไทย ผู้ได้รับเกียรติยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2547 เส้นทางสู่การเป็นนักเขียนของคุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ เริ่มต้นตั้งแต่ยังเด็กในขณะที่มีอายุได้เพียง 8 ขวบเท่านั้น ขณะที่เป็นนิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลงานเรื่องยาวเรื่องแรกของท่านก็ปรากฏอยู่ในสตรีสาร และผลงานชิ้นนั้น คือ ‘มิถิลา - เวสาลี’ หลังจากจบปริญญาตรี ท่านได้หยุดงานเขียน ไปเรียนต่อที่รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา เมื่อเรียนจบกลับมาเมืองไทย…คุณหญิงวินิตา ถึงได้เริ่มต้นกลับมาเขียนนวนิยายอีกครั้ง ประเดิมด้วย ‘ไร้เสน่หา’ ตีพิมพ์ลงในนิตยสารสกุลไทย ก่อนที่จะตามมาด้วยผลงานอื่นๆ อีกมากมาย ภายใต้นามปากกา ‘ว.วินิจฉัยกุล’ และในภายหลังที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ ‘แก้วเก้า’ แต่ละนามปากกา ก็จะมีแนวทางในการนำเสนอที่แตกต่างกันไป ท่านเคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารพลอยแกมเพชรว่า ท่านเขียนทั้งสองนามปากกาควบคู่กันมาตลอด ‘ว.วินิจฉัยกุล’ เขียนเอากล่อง ส่วน ‘แก้วเก้า’ เขียนเอาแฟน ผลงานของ ‘ว.วินิจฉัยกุล’ นั้น เขียนขึ้นจากความประทับใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว ชีวิตของผู้คน ประสบการณ์ของตัวเอง และเหตุการณ์ในยุคสมัย ส่วนนามปากกา ‘แก้วเก้า’ ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2522 กับผลงานเรื่อง ‘แก้วราหู’ นั้น เป็นนิยายแนวเหนือธรรมชาติ ที่ท่านเคยบอกว่าเขียนตามใจ ไม่ห่วงทฤษฏี ความถูกต้อง เหมาะสม ผลงานทั้งสองของ ‘ว.วินิจฉัยกุล’ และ ‘แก้วเก้า’ มีอยู่มากมายหลายสิบเรื่อง ได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณต่างๆก็มากมาย จนยากที่จะตัดสินได้ว่าผลงานชิ้นไหน คือผลงานที่เป็นมาสเตอร์พีซ และถ้าถามถึงความประทับใจที่สุด คนเขียนคงต้องยกให้กับผลงานที่ชื่อ ‘สองฝั่งคลอง’ เมื่ออ่านครั้งแรกนั้น…อ่านไป ลุ้นไปกับชีวิตอาภัพของคุณทับทิม หลานสาวของท่านเจ้าคุณทหาร เจ้าของบ้านหลังใหญ่ริมฝั่งคลองสาน วันนี้…14 มีนาคม คล้ายวันเกิดครบรอบ 75 ปีของท่าน ขอถือโอกาสนี้ อวยพรให้ท่านมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง มีสมองที่แจ่มใส ผลิตผลงานชิ้นเยี่ยมประดับไว้ในวงการวรรณกรรมไทย…ไปอีกนานเท่านาน ด้วยความเคารพรักและศรัทธา #EatPrayLive #วันเกิดนักเขียน #วันเกิด #14มีนาคม #วินิตาดิถียนต์ #แก้วเก้า #ววินิจฉัยกุล #หนังสือ #นวนิยาย #วรรณกรรม #นักเขียน #นักประพันธ์ #ศิลปินแห่งชาติ #สตรีสาร #สกุลไทย #พลอยแกมเพชร #สองฝั่งคลอง

3/14/2024, 12:00:00 PM

ฟ้าใหม่ ผลงานระดับมาสเตอร์พีซของ ‘ศุภร บุนนาค’ ‘ฟ้าใหม่’ เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ในช่วงปลายของกรุงศรีอยุธยา ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงเวลากอบกู้เอกราชมาตั้งราชธานีใหม่ที่กรุงธนบุรี จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ในช่วงต้น ซึ่งผู้ประพันธ์นิยามเอาไว้ว่า คือช่วงเวลาของ ‘ฟ้าใหม่’ ที่แจ่มใส ร่มเย็นกว่าเก่า และตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติวีรกษัตริย์ และวีรชนผู้เป็นบรรพชนทุกท่าน ถวายเป็นชาติพลี ราชพลี และมิตรพลี ‘ศุภร บุนนาค’ เริ่มต้นเขียนบทแรกของ ‘ฟ้าใหม่’ ในราวๆ ปี พ.ศ. 2507 เรื่องราวของ ‘แสน’ เด็กน้อยแห่งบ้านท่าตะเภาแขก ที่บรรพบุรุษเดินทางมาค้าขายด้วยเรือสำเภาจากเมืองแขก และได้มาปักหลักตั้งรกรากอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา จนมีโอกาสได้เข้ามารับใช้ในราชสำนัก ‘แสน’ เองนั้นเริ่มต้นจากถวายตัวเป็นมหาดเล็กรุ่นจิ๋วของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เติบโตผ่านร้อนผ่านหนาวทั้งทุกข์และสุข ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามากมาย ทั้งในยามบ้านเมืองสงบสุข จนถึงคราวแตกสานซ่านเซ็น บ้านแตกสาแหรกขาด กว่าที่จะถึงช่วงเวลา ‘ฟ้าใหม่’ ในที่สุด ‘ฟ้าใหม่’ ปรากฎสู่สายตาของนักอ่านเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2510 แต่แปลกตรงที่ฉบับพิมพ์ครั้งแรกที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บรรณาคารนั้น มีเพียงหกบทแรกเท่านั้น และทิ้งค้างไว้อย่างนั้น จน ‘ศุภร บุนนาค’ ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคไตวายเฉียบพลัน ในปี พ.ศ. 2517 เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2534 บทประพันธ์ ‘ฟ้าใหม่’ ฉบับสมบูรณ์ได้ถูกค้นพบราวปาฏิหาริย์ ต้นฉบับนี้พิมพ์ด้วยพิมพ์ดีด มีความยาวถึง 870 หน้ากระดาษ ถูกเก็บงำไว้อย่างดีในถุง ซุกอยู่ในกล่องกระดาษ ในตู้เก็บของที่ตั้งอยู่ในโรงรถ สงบนิ่งอยู่ในนั้นเป็นเวลานานถึง 17 ปี หลังจากท่านผู้ประพันธ์ได้จากไป ‘ฟ้าใหม่’ ฉบับสมบูรณ์ ที่ยาวถึง 45 บท จึงได้ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรก โดยสำนักพิมพ์สามัญชน ในปลายปี พ.ศ. 2534 นั่นเอง ปัจจุบัน…’ฟ้าใหม่’ ได้กลายเป็นหนังสือที่ในยุคนี้ชอบเรียกกันว่า ‘แรร์ ไอเท็ม’ กลายเป็นหนังสือหายาก ที่มีการส่งต่อกันในราคาถึงหลักพันเลยทีเดียว แต่ถึงจะราคาสูงขนาดไหน ถ้ายังไม่เคยอ่าน…แนะนำว่าควรหาโอกาสอ่านให้ได้สักครั้ง แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงคำว่า ‘วรรณศิลป์’ อย่างแท้จริง #EatPrayLive #วรรณศิลป์ #หนังสือ #วรรณกรรม #นวนิยาย #นักเขียน #นักประพันธ์ #ฟ้าใหม่ #ศุภรบุนนาค

3/13/2024, 12:00:00 PM

นางเอก…วันวาน อดีตนางเอกหนังไทยในยุค 70…’นิจ อลิษา’ มีชื่อจริง นามสกุลจริงว่าคุณคนึงนิจ ฤกษะสาร เป็นนักศึกษาวิทยาลัยเพาะช่าง สถานศึกษาเดียวกับสาวสวยในยุคนั้นอย่างคุณนันทนา เงากระจ่าง คุณเพ็ญพร ไพฑูรย์ และคุณรัชนู บุญชูดวง ชีวิตของนางเอกที่ชื่อ ‘นิจ อลิษา’ เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เธอจบการศึกษาจากวิทยาลัยเพาะช่าง นอกจากเปิดร้านขายเครื่องหนัง ที่เธอมีความชอบและความถนัดเรื่องการตัดเย็บตั้งแต่สมัยเรียนในแผนกหัตถกรรมแล้ว เธอยังได้ช่วยมารดาดูแลห้องอาหารจันทร์เพ็ญที่ท่าน้ำถนนตก ภายหลังได้มีโอกาสไปถ่ายแฟชั่นขึ้นปกนิตยสารลลนาในปลายปี พ.ศ. 2520 ตามมาด้วยนิตยสาร 21 นิตยสารผู้หญิงอีกเล่มในเครือนิตยสารบีอาร์ ด้วยใบหน้าที่สวยคมแบบไทยๆ ของเธอที่ปรากฏอยู่บนหน้าปกนิตยสารนี่เอง ที่ไปเข้าตาคุณสุชาติ วุฒิชัย ถึงกับชักชวนเธอเข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะนางเอก มีเรื่องเล่ากันว่าคุณคนึงนิจได้ตอบปฏิเสธไปหลายครั้งเพราะไม่ได้สนใจเรื่องการแสดงหนัง แต่คุณสุชาติก็ตามตื๊อเพราะเห็นว่ารูปลักษณะของเธอตรงกับบทนางเอกในหนังที่เขากำลังจะกำกับ จนที่สุดคุณสุชาติเลยต้องคุยกับคุณแม่ของเธอให้ช่วยเกลี้ยกล่อม ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จ เราจึงได้มีนางเอกหนังไทยที่เปลี่ยนชื่อจาก ‘คนึงนิจ ฤกษะสาร’ มาเป็น ‘นิจ อลิษา’ ประดับวงการบันเทิงไทยตั้งแต่นั้นมา หนังไทยเรื่องแรกที่เธอเล่นคือเรื่อง น้ำค้างหยดเดียว ในปี พ.ศ. 2521 เป็นหนังไทยที่ยังมีผู้กล่าวถึงจนทุกวันนี้ เนื่องด้วยสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้กับวงการหนังไทยอย่างมากมายในยุคนั้น เริ่มตั้งแต่เนื้อหาที่สะท้อนถึงปัญหาของสังคม คือความยากจน การต่อสู้ปากกัดตีนถีบของผู้คนในเมืองหลวง ที่นำไปสู่ความเสื่อมโทรมของศีลธรรม รวมไปถึงการใช้ดาราโนเนมที่คนดูไม่คุ้นหน้ามาก่อน ทีมงานผลิตที่ส่วนมากคือบุคลากรในวงการภาพยนตร์โฆษณาที่มีฝีมือ ตั้งแต่ผู้กำกับคือคุณสุชาติ วุฒิชัยเอง ไปจนถึงตากล้อง คอสตูม ฯลฯ ทำให้เราได้ชมการนำเสนอหนังที่ทั้งเนื้อหา การแสดง ภาพและเสียงที่แตกต่าง แปลกใหม่ น่าสนใจมากกว่าหนังไทยเรื่องอื่นๆ ในยุคเดียวกัน หลังจากแจ้งเกิดเป็นนักแสดงเต็มตัวแล้ว ‘นิจ อลิษา’ มีผลงานการแสดงในระหว่างช่วงปีพ.ศ. 2521-2526 ก่อนที่จะเฟดหายไปจากวงการบันเทิงอย่างเงียบๆ วันนี้…12 มีนาคม คล้ายวันเกิดของท่านเมื่อปี พ.ศ. 2498 ที่ในปีนี้มีอายุครบ 69 ปีแล้ว เรามาร่วมกันอวยพรขอให้ท่านพบความสุขในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป และมีสุขภาพแข็งแรงไปอีกนานแสนนาน #EatPrayLive #วันเกิด #12มีนาคม #นิจอลิษา #คนึงนิจฤกษะสาร #ภาพยนตร์ไทย #นางเอก #น้ำค้างหยดเดียว #ลลนา #หนังไทย #นิตยสาร21

3/12/2024, 12:00:00 PM

เพลงฮิต…วันวาน Disco หรือดิสโก้ เป็นแนวเพลงหรือสไตล์ดนตรีสำหรับเต้นรำที่ได้รับความนิยม เป็นที่คลั่งไคล้ไปทั่วโลกในช่วงยุค 70 ไปจนถึงต้นๆยุค 80 ดิสโก้ถือกำเนิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่แนวเพลงร็อก ที่ได้รับความนิยมอย่างมากมายในหมู่วัยรุ่นสำหรับเต้นรำในยุค 60 ได้คลี่คลายลง สิ่งที่ตามมาพร้อมกับการกำเนิดของแนวเพลงดิสโก้ คือดิสโก้เธค (Discotheque) ที่เข้ามาแทนที่ไนต์คลับ เปลี่ยนจากการเต้นรำกับดนตรีสดที่เล่นด้วยวงดนตรีสตริง มาเป็นการเต้นรำจากการเปิดเพลงด้วยแผ่นเสียงโดยดีเจ ที่ย่อมาจากคำว่า Disc Jockey และดิสโก้เธคที่โด่งดังกลายมาเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้ คือ Studio 54 ที่นิวยอร์กนั่นเอง Got To Be Real เป็นเพลงในจังหวะดิสโก้ ขับร้องโดย Cheryl Lynn ศิลปินหญิงชาวอเมริกัน ที่เติบโตมาจากการร้องเพลงในโบสถ์ และนักร้องประสานเสียงสำหรับละครเวที ก่อนที่จะมีซิงเกิ้ลเป็นของตนเองเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1978 ซึ่งก็คือเพลงๆ นี้ เพลงนี้เป็นเพลงในจังหวะดิสโก้ที่เธอมีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อร้องและทำนอง สร้างชื่อเสียงและแจ้งเกิดให้กับ Cheryl Lynn ในวงการเพลง เพลงนี้ขึ้นถึงอันดับที่ 12 ใน US Billboard Hot 100 และอันดับ 1 ใน US Billboard Hot Soul Singles เมื่อเวลาผ่านไป…แม้ดนตรีดิสโก้จะเสื่อมมนต์ขลังไปในที่สุด แต่เพลงนี้ยังเป็นที่จดจำของผู้คน กลายมาเป็นตำนานของเพลงดิสโก้ที่อยู่ยงคงกระพันมาจนถึงทุกวันนี้ เพลงนี้ได้ถูกนำมาเป็นเพลงไตเติ้ลในหนังสารคดีเกี่ยวกับ LGBTQ เรื่อง Paris is Burning ในปีค.ศ.1990 และเป็นที่ฮือฮา…เมื่อถูกนำมาเผยแพร่อีกครั้งในซีรีส์ Sex And The City ในซีซั่น 4 ตอนที่ 2 ในปี ค.ศ. 2001 ที่ใช้ชื่อตอนว่า The Real Me ให้เป็นเพลงแบคกราวด์ประกอบแฟชั่นโชว์ เมื่อ Carey Bradshaw ตัวเอกของเรื่องที่แสดงโดย Sarah Jessica Parker ได้รับการชักชวนให้มาร่วมเดินแบบบนรันเวย์ร่วมกับเหล่าบรรดาเซเล็บของนิวยอร์กและซูเปอร์โมเดลอย่าง Heidi Klum Cheryl Lynn เกิดในวันนี้…11 มีนาคม ที่ปีนี้ครบ 67 ปีแล้ว เรามารำลึกถึงความหลังกันด้วยเพลงฮิตนี้ของเธอ ที่ทำให้เด็กๆ รุ่นลูกที่เกิดไม่ทันยุคดิสโก้ ต่างติดใจและตามหาเพลงนี้มาฟังกันให้จ้าล่ะหวั่น เพื่อที่จะได้ค้นพบว่ารุ่นแม่ๆ ป้าๆ ในสมัยวัยรุ่นนั้น เปรี้ยวจี๊ดจัดกว่ารุ่นลูก…วัยรุ่นในยุคนี้มากมายนัก #EatPrayLive #เพลงฮิตวันวาน #เพลงในอดีต #เพลงฮิต #เพลงฝรั่ง #ย้อนยุค #วันวาน #อดีต #วิทยุเทปคาสเซ็ต #แผ่นเสียง #ดิสโก้ #disco #ยุค70 #Gottobereal #CherylLynn

3/11/2024, 12:00:00 PM

มองปั๊ป…จับใจ ความสุขของการได้ดื่มกาแฟต้อนรับวันใหม่ในยามเช้า นอกจากรสชาติของกาแฟที่อร่อยถูกปาก กลิ่นหอมยวนใจแล้ว ยังอยู่ที่ถ้วยกาแฟสวยๆ ที่หมุนเวียนสลับเปลี่ยนมารับใช้เจ้าของในแต่ละวันอีกด้วย ถ้วยกาแฟพร้อมจานรองแสนสวยชุดนี้ เป็นฝีมือการออกแบบของ Givenchy ซูเปอร์แบรนด์แฟชั่นตัวท็อปอีกหนึ่งแบรนด์ของโลก ที่ถือกำเนิดอยู่บนโลกแฟชั่นมานานกว่า 70 ปีแล้ว Givenchy คือห้องเสื้อชั้นสูงสัญชาติฝรั่งเศส ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1952 โดยมองซิเออร์ Hubert de Givenchy ประสบความสำเร็จตั้งแต่คอลเลคชั่นแรกที่เปิดตัว โดยได้รับคำชมจากทั้งนิตยสารโวค และนิตยสารอย่าง The New York Times แต่ที่จุดประกายให้ห้องเสื้อ Givenchy โด่งดังเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก คือเมื่อ Hubert de Givenchy ถูกแนะนำให้รู้จักกับดาราสาว ‘Miss Hepburn’ ซึ่งตอนแรกเขาเข้าใจผิด นึกว่ามีนัดกับดาราสาวซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวูด Katherine Hepburn แต่กลับกลายเป็นว่า ‘Miss Hepburn’ คนนั้นคือ Audrey Hepburn Audrey Hepburn ตกลงใจให้ Givenchy เป็นผู้ออกแบบเสื้อผ้าให้กับเธอในภาพยนตร์เรื่อง Sabrina ในปี ค.ศ. 1954 และในภาพยนตร์อีกหลายๆ เรื่องในเวลาต่อมา รวมไปถึงภาพยนตร์เรื่อง Breakfast at Tiffany’s ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1961 สร้างชื่อเสียงให้ทั้งคู่โด่งดังไปทั่วโลกกลายเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้ กับภาพของ Audrey Hepburn ในชุดดำที่ปัจจุบันรู้จักกันดีในชื่อ ‘ Little Black Dress’ จากครั้งนั้นทำให้ Audrey Hepburn ได้กลายเป็นเพื่อนรัก และ Muse ให้กับห้องเสื้อ Givenchy มาตลอด 40 ปีของมิตรภาพ ส่งผลให้สมาชิกราชวงศ์และชนชั้นสูงอย่างพระราชินี ฟาร่าห์ ปาลเลวี แห่งอิหร่าน สมาชิกราชวงศ์กริมัลดี และสมาชิกตระกูลเคเนดี้อย่าง Jacqueline Kenedy ต่างตบเท้าเข้ามาเป็นลูกค้าระดับซูเปอร์วีไอพีของห้องเสื้อ Givenchy ถ้วยกาแฟใบนี้ ผลิตโดย Yamaka แบรนด์เครื่องกระเบื้องชื่อเสียงเก่าแก่ของญี่ปุ่น ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1913 มีหลายคอลเลคชั่นที่ออกแบบโดย Givenchy ล้วนแล้วแต่สวยงาม ยั่วให้นักสะสมถ้วยชามได้ตามเก็บสะสมมาไว้ในคอลเลคชั่นส่วนตัว Hubert de Givenchy เสียชีวิตลงวันนี้… 10 มีนาคม เมื่อปี ค.ศ. 2018 ในขณะนอนหลับ ณ ที่พักหรือชาโต้ของเขาที่ชานกรุงปารีส ขณะมีอายุได้ 91 ปี เลยขอนำผลงานการออกแบบของเขาที่ ‘มองปั๊ป…จับใจ’ มาให้ได้ชมกันอีกครั้งในวันนี้ #EatPrayLive #มองปั๊ปจับใจ #จานชาม #เซรามิก #แฟชั่น #เครื่องกระเบื้อง #ของแต่งบ้าน #พอร์ซเลน #ปารีส #แฟชั่นดีไซน์เนอร์ #วันเสียชีวิต #วันจากไป #10มีนาคม #ถ้วยชามรามไห #hubertdegivenchy #yamaka

3/10/2024, 12:00:00 PM

วันนี้…วันพระ …………………… ชีวิตที่ดีคืออะไร? สมัยนี้มีคำตอบให้แล้วนะว่า ชีวิตที่ดีคือ มีงานดี มีเงินดี มีสุขภาพดี มีครอบครัวดี มีเพื่อนดี มีคู่ครองดี มีลูกดี ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยแห่งความสุขที่ผู้คนปรารถนากัน แต่ว่า…มันเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเลย มีงานดีแค่ไหน สักวันหนึ่งก็ต้องไม่มีงานทำ ต้องเกษียณเพราะแก่ คนที่เรารักไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลูก หลาน สักวันหนึ่งก็ต้องตายจากเรา ถ้าพวกเขาไม่ตายจากเราก่อน เราก็ต้องตายก่อนเขา คนเราถ้ามุ่งเพียงมีชีวิตที่ดีอย่างที่ตั้งเป้าหมายกัน คือ เอาแต่ทำมาหากิน สนใจครอบครัว แต่ถ้าไม่สนใจทำความดี ไม่รักษาศีล ก็ไม่ทำให้เรามีความสุขอย่างยั่งยืนได้ พระไพศาล วิสาโล ………………… #EatPrayLive #วันพระ #ธรรมะ #คำสอน #วิถีพุทธ #สนทนาธรรม #โอวาทธรรม #บุญ #ทำบุญ #กรวดน้ำ #ศีล #ทุกข์ #สุข #สติ #สมาธิ #ปัญญา #สมาธิภาวนา #ปล่อยวาง #ปฏิบัติธรรม #พุทธศาสนา #ศรัทธา #ธรรมะ #วิถีพุทธ #ตักบาตร #ฟังเทศน์ #ปล่อยนกปล่อยปลา #ถวายสังฆทาน #พระไพศาลวิสาโล

3/9/2024, 12:30:00 AM

นิตยสาร…วันวาน …………………… ยี่สิบปีกว่าปีมาแล้วที่นิตยสารลิปส์ โลดแล่นอยู่ในวงการสื่อสิ่งพิมพ์ของเมืองไทย เป็นนิตยสารผู้หญิงที่หนักไปทางด้านแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ตามประสาผู้หญิงรุ่นใหม่ที่ทันสมัยเจี๊ยบ ในยุคนั้นเราใช้อินเตอร์เน็ตในการเข้าไปหาข้อมูล เสพความบันเทิงจากเว็บไซต์ต่างๆ กันแล้ว แต่มือถือยังคงเป็นแค่มือถือที่มีเพื่อเอาไว้โทรหา ฝากข้อความ SMS หรือเล่นเกมออนไลน์แก้เบื่อบ้าง ยังไม่ได้เป็นทุกๆ อย่างเหมือนเช่นทุกวันนี้ สื่อนิตยสารก็ยังเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมอยู่ อย่างที่ไม่มีใครคาดคิดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะเกิดอาการเลือดไหล ล้มหายตายจากไปจากแผงนิตยสารไทยกันอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกันจนแทบจะไม่เหลืออะไรให้อ่านแล้ว นิตยสารลิปส์ในยุคนั้น คงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จึงได้เกิดมีนิตยสารฉบับลูกออกตามมาในปี ค.ศ. 2005 หรือพ.ศ. 2544 ภายใต้ชื่อว่า Lips LUXE ที่เมื่อออกมาใหม่ๆ เกิดความสับสนในหมู่คนอ่านว่ามันคือลุกซ์หรือลักซ์กันแน่ ก่อนที่จะเข้าใจตรงกันว่าคือ ‘ลิปส์ ลุกซ์’ Lips LUXE ในยุคแรกออกมาในแนวแม็กกาซีนแฟชั่นจ๋า เน้นเนื้อหาที่อัพเดตเรื่องราวของสายแฟชั่นและบิวตี้เป็นหลัก โดยพิมพ์ออกมาวางแผงทุกๆ สามเดือนตามซีซั่นของแฟชั่น นั่นคือ Spring, Summer, Fall และ Winter นั่นเอง ก่อนที่ในปีต่อมาจะพิมพ์ออกมาจำหน่ายเป็นรายเดือน จำหน่ายในราคา 90 บาท ถ้าเทียบกับนิตยสารลิปส์…Lips LUXE ดูจะพรีเมียมกว่าในการนำเสนอ ด้วยรูปเล่มที่ใหญ่กว่า เน้นแฟชั่น บิวตี้ ไลฟ์สไตล์ ที่เรียกได้ว่า ‘ปล่อยของ’ กันอย่างสุดๆ โดยมีคุณเศรษฐพงศ์ เผ่าวัฒนา เป็นบรรณาธิการ คุณเศรษฐพงศ์เป็นนักเขียนหรือคอลัมน์นิสต์ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกินและท่องเที่ยว เป็นนักเขียนที่มีรสนิยมส่วนตัวที่ดี และมีรสนิยมในการนำเสนอ แล้วอยู่ๆ คงด้วยเหตุผลบางอย่าง…นิตยสาร Lips LUXE มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทีมงานและรูปแบบเนื้อหาในเวลาต่อมา โดยเปลี่ยนบรรณาธิการจากคุณเศรษฐพงศ์ มาเป็นคุณสนิทพิมพ์ เอกชัย รูปเล่มและเนื้อหามีการปรับทิศทางจากสายแฟชั่น มาเป็นสายไลฟ์สไตล์และโซเชียลแทน ถ้าจะให้เปรียบก็คงเปรียบได้กับนิตยสารหัวนอกอย่าง Hello นั่นเอง แต่รูปแบบใหม่ที่ว่านี้ ก็ออกมาได้เพียงฉบับเดียว ก่อนที่จะหายไป…ปิดตำนานของนิตยสาร Lips LUXE อย่างถาวร #EatPrayLive #นิตยสารวันวาน #สื่อสิ่งพิมพ์ #แมกกาซีน #นิตยสาร #นิตยสารผู้หญิง #แฟชั่น #แม็กกาซีน #ลิปส์ #ลิปส์ลุคซ์ #Lipsluxe

3/8/2024, 12:00:00 PM

เทพศิริ สุขโสภา เรารู้จัก ‘เทพศิริ สุขโสภา’ กันดีในฐานะนักเขียน นักเล่านิทาน นักวาดภาพประกอบ ศิลปินวาดภาพ แม้กระทั่งนักแสดงที่ทำงานศิลปะการแสดง ศิษย์เก่าคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ศิษย์ก้นกุฏิของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่บ่มเพาะศิลปินและนักเขียนให้กับวงการศิลปะและวรรณกรรมไทยมาแล้วอย่างมากมาย สำหรับผลงานในฐานะนักเขียนนั้น ผลงานที่สร้างชื่อให้กับ ‘เทพศิริ สุขโสภา’ คงหนีไม่พ้น ‘บึงหญ้าป่าใหญ่’ วรรณกรรมคลาสสิกที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 เล่ม ที่เด็กและเยาวชนควรอ่าน ที่เอาเข้าจริงๆแล้ว ไม่ใช่แต่เด็กและเยาวชนเท่านั้น ผู้ใหญ่อย่างเราๆนี่แหล่ะที่น่าจะอ่านด้วย ถ้าอยากจะอ่านวรรณกรรมดีๆสักเรื่อง ที่ซึมซับความงดงามของภาษา และมีลีลาการเขียน การเล่าเรื่องอยู่ในระดับขั้นเทพจากปลายปากกาของ ‘เทพศิริ สุขโสภา’ ‘บึงหญ้าป่าใหญ่’ ลงตีพิมพ์เป็นตอนๆครั้งแรกในนิตยสารสตรีสารในปี พ.ศ. 2521 และรวมเล่มเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคม ปีพ.ศ. 2522 โดยห้องสมุดเด็ก ศูนย์ศิลปเชียงใหม่ ซึ่งคือเล่มที่เห็นในภาพนี้ ก่อนที่จะนำมาตีพิมพ์อีกครั้งในปีพ.ศ. 2524 โดยสำนักพิมพ์ดวงตา ก่อนที่จะห่างหายไปจากร้านหนังสือหลายสิบปี และนำมาตีพิมพ์ใหม่อีกหลายครั้งโดยสำนักพิมพ์มติชนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 คุณเทพศิริ เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเขียน ‘บึงหญ้าป่าใหญ่’ เอาไว้ว่า “เราเขียนเรื่องเหมือนเขียนรูป ใช้ตาเห็น แต่ใช้ใจสัมผัส คำมันมาจากความทรงจำ มาจากความรักในภาษา ไม่ได้มาจากอย่างอื่นเลย และ ‘บึงหญ้าป่าใหญ่’ นี้ มันเน้นเรื่องของภาษา เรื่องของการอ่าน เราเติบโตมาอย่างนี้” * นอกจาก ‘บึงหญ้าป่าใหญ่’ แล้ว ผลงานการประพันธ์ชิ้นอื่นๆของ ‘เทพศิริ สุขโสภา’ ที่เป็นที่ชื่นชอบของนักอ่านยังรวมถึงผลงานอย่างนวนิยายเรื่องร่างพระร่วง หรือผลงานอื่นๆอาทิ คนวาดภาพประกอบ ศิลปินกับนางแบบ วันนี้…6 มีนาคม คล้ายวันเกิดของ ‘เทพศิริ สุขโสภา’ ผู้ที่ได้รับเกียรติยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2560 มีอายุครบ 81 ในปีนี้แล้ว เรามาร่วมกันอวยพรขอให้ท่านมีสมองที่แจ่มใส มีสุขภาพที่แข็งแรง และยังคงมีจินตนาการที่งดงาม เหมือนอย่างที่เราเคยได้สัมผัสกับจินตนาการที่พรรณาเกี่ยวกับต้นไม้ใบหญ้า ความงามของธรรมชาติได้อย่างสวยงาม เห็นภาพของความสุขในวัยเยาว์ของเด็ก ใน ‘บึงหญ้าป่าใหญ่’ ที่ใช้คำเรียบง่าย แต่ทว่างดงามยิ่งนักมาแล้ว ด้วยความเคารพรักและศรัทธา #EatPrayLive #วันเกิด #6มีนาคม #หนังสือ #วรรณกรรมเยาวชน #บึงหญ้าป่าใหญ่ #เทพศิริสุขโสภา #สตรีสาร #มติชน #สำนักพิมพ์ดวงตา

3/6/2024, 12:00:00 PM

เพลงฮิต…วันวาน ในปลายยุค 60 ต่อเนื่องมาจนถึงต้นยุค 80 ไม่มีมิตรรักนักเพลงๆ ฝรั่งคนไหน ที่ไม่รู้จักศิลปินอังกฤษวง The Bee Gees เจ้าของเพลงฮิตมากมายอย่าง Holiday, I Started A Joke, First of May Andy Gibb เกิดในวันนี้ 5 มีนาคม ได้ก้าวเข้าสู่วงการเพลงตามรอยพวกพี่ๆ เขามีความสนใจในดนตรีตั้งแต่ยังเด็ก ลาออกจากโรงเรียนเมื่ออายุได้ 13 ปี เพื่อเล่นดนตรีเป็นอาชีพ ด้วยกีตาร์โปร่งที่ Barry พี่ชายของเขามอบให้ จนกระทั่งอายุได้ 19 ปี Andy Gibb ได้โยกย้ายไปอยู่ฮอลลีวูด สหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1975 และได้เซ็นสัญญากับ RSO Records ในปีถัดไป โดยมี Robert Stingwood ที่เป็นผู้จัดการวง The Bee Gees เป็นเจ้าของและดูแลการผลิต เขาได้ออกอัลบั้มแรกชื่อ Flowing Rivers ในปี ค.ศ. 1977 เพลง I Just Want to Be Your Everything ในอัลบั้มนี้ซึ่งแต่งโดย Barry ตัดเป็นซิงเกิ้ลออกมาในเดือนเมษายน ได้รับการต้อนรับเกินความคาดหมาย พุ่งขึ้นสู่อันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงทั้งสหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย ตามติดมาด้วยเพลง (Love is) Thicker Than Water ที่ขึ้นสู่อันดับหนึ่งชาร์ตเพลง Billboard Hot 100 ในเดือนกันยายนเช่นกัน ทำให้อัลบั้ม Flowing Rivers มียอดจำหน่ายทะลุเกินกว่าหนึ่งล้านอัลบั้มอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาเดียวกันกับที่วง The Bee Gees กำลังประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายกับเพลงต่างๆ จากในภาพยนตร์ Saturday Night Fever ไปทั่วโลก และในเวลาไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้ออกอัลบั้มชุดที่สองในชื่อ Shadow Dancing ซึ่งมีเพลงชื่อเดียวกันกับชื่ออัลบั้มนี้ ออกมาในเดือนเมษายน พุ่งสู่อันดับหนึ่งในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1978 และยืนหยัดครองตำแหน่งอยู่นานถึง 7 สัปดาห์ ส่งผลให้ Andy Gibb เป็นศิลปินชายคนแรกในประวัติศาสตร์ชาร์ตเพลงป็อปของสหรัฐอเมริกา ที่มีเพลงขึ้นถึงอันดับหนึ่งใน Billboard Hot 100 สามเพลงติดต่อกันภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ในยุค 80…Andy Gibb เริ่มมีปัญหาส่วนตัวอันเป็นผลพวงจากการเสพยาเสพติด เขาใช้เวลาอยู่นานหลายปีในการเข้าบำบัดรักษาตัวเองให้หายจากอาการติดยา เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 จนพร้อมที่จะกลับมาอีกครั้ง เตรียมตัวทำอัลบั้มชุดใหม่ในปี ค.ศ. 1988 แต่เสียชีวิตลงอย่างกระทันหันเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ขณะมีอายุได้เพียง 30 ปี ทิ้งไว้แต่ผลงานเพลงหลายต่อหลายเพลงที่วัยรุ่นแฟนเพลงในยุค 70 ต่างยังจำกันได้ดี #EatPrayLive #เพลงฮิตวันวาน #เพลงฝรั่ง #เพลงดังในอดีต #เพลงฮิต #andygibb #แอนดี้กิบบ์ #aneverlastinglove #วันเกิด #5มีนาคม

3/5/2024, 12:00:00 PM

ลาละน้า บุคคลที่เป็นหนึ่งในตำนานของนิตยสารลลนาในอดีต นอกจากคุณสุวรรณี สุคนธ์เที่ยงเจ้าของและบรรณาธิการท่านแรกแล้ว ยังมีคุณศิริสวัสดิ์ พันธุมสุต หรือที่ใครๆ เรียกกันจนติดปากว่า ‘น้าแพ็ท’ คู่ชีวิตของคุณสุวรรณีนั่นเอง คุณศิริสวัสดิ์ เป็นกองกำลังสำคัญของนิตยสารลลนา เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและรับหน้าที่บรรณาธิการฝ่ายศิลป์ตั้งแต่ฉบับปฐมฤกษ์เลยทีเดียว ‘น้าแพ็ท’ มีหน้าที่ดูแลและจัดการให้นิตยสารลลนามีการออกแบบและจัดวางเรียงหน้าให้ดูสวยงามทันสมัยอย่างที่เราได้เห็นๆ กัน และเมื่อคุณสุวรรณีตัดสินใจขอนิตยสารลลนาจากนายทุนมาบริหารจัดการเอง ในช่วงแรก…เราจะได้เห็นชื่อ ‘ศิริสวัสดิ์ พันธุมสุต’ ในฐานะช่างภาพแฟชั่น ทำงานคู่กันกับคุณนภดล โชตะสิริ และที่ผู้อ่านได้เห็นตลอดมาเป็นเวลานานหลายสิบปี คือผลงานการวาดภาพลายเส้นดรออิ้งขาวดำของ ‘น้าแพ็ท’ ลงเป็นภาพประกอบนวนิยายเรื่องยาวในเล่ม ใครๆ ต่างก็ติดใจในฝีมือของ ‘น้าแพ็ท’ ที่เส้นสายดูเรียบง่าย ฉับไว แต่สื่อความหมายอย่างได้อารมณ์ คุณศิริสวัสดิ์เป็นศิลปินที่จบมาจากศิลปากร แต่ไม่ได้ใช้ชีวิตการทำงานในฐานะศิลปินเลย ในช่วงสุดท้ายของชีวิตที่ ‘น้าแพ็ท’ ล้มป่วยลงในปี พ.ศ. 2557 คนใกล้ชิดที่รักและเคารพได้รวมตัวกันจัดนิทรรศการให้กับ ‘น้าแพ็ท’ โดยรวบรวมผลงานต้นฉบับภาพประกอบที่เขียนให้กับนิตยสารลลนา พร้อมกับผลงานภาพลายเส้น เมื่อครั้งยังศึกษา Academia di belle Art di Rome ประเทศอิตาลี มาจัดแสดงในฐานะศิลปินเป็นครั้งแรก โดยให้ชื่อนิทรรศการนี้ว่า ‘จดหมายจากโรม’ เป็นเรื่องเศร้าที่ ‘น้าแพ็ท’ ได้เสียชีวิตลงในช่วงย่ำรุ่งของวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันเปิดนิทรรศการนั่นเอง ด้วยวัย 76 ปี ‘ลาละน้า’ ถือกำเนิดขึ้นในเวลาต่อมา เป็นนิตยสารลลนาฉบับพิเศษ 2558 ภายในเล่มของ ‘ลาละน้า’ ลลนาฉบับพิเศษนี้แบ่งออกเป็นบทต่างๆ ถึง 7 บทด้วยกัน มีภาพแฟชั่นจากฝีมือการถ่ายภาพของ ‘น้าแพ็ท’ มีผลงานวาดเส้นและเรื่องราวจากนิทรรศการ ‘จดหมายจากโรม’ มีการรำลึกถึงนิตยสารลลนาในอดีตจากฝีมือการเขียนของผู้ที่เกี่ยวข้องกับลลนาในยุคนั้น มีคำอาลัยถึงน้าแพ็ทในบท ‘ลาละน้า’ รวมไปถึงสูตรการทำอาหาร ในบท ‘อาหารลลนา’ รวมสูตรเด็ดๆ ที่เคยตีพิมพ์ลงในนิตยสารลลนามาเผยแพร่อีกครั้ง วันนี้…3 มีนาคม ครบรอบ 9 ปีที่ ‘น้าแพ็ท’ ได้ลาจากโลกนี้ไป เลยขอนำหนังสือเล่มนี้ มานำเสนอด้วยความรำลึกถึงกันอีกครั้งในวันนี้ #EatPrayLive #วันเสียชีวิต #วันจากไป #3มีนาคม #น้าแพ็ท #ศิริสวัสดิ์พันธุมสุต #ศิลปิน #นักวาดภาพประกอบ #หนังสือ #ลลนา #ลาละน้า #จดหมายจากโรม

3/3/2024, 12:00:00 PM

วันนี้…วันพระ ……………….. ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยึด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย หลวงพ่อชา สุภัทโท ………………… #EatPrayLive #วันพระ #ธรรมะ #คำสอน #วิถีพุทธ #สนทนาธรรม #โอวาทธรรม #บุญ #ทำบุญ #กรวดน้ำ #ศีล #ทุกข์ #สุข #สติ #สมาธิ #ปัญญา #สมาธิภาวนา #ปล่อยวาง #ปฏิบัติธรรม #พุทธศาสนา #ศรัทธา #ธรรมะ #วิถีพุทธ #ตักบาตร #ฟังเทศน์ #ปล่อยนกปล่อยปลา #ถวายสังฆทาน #หลวงพ่อชาสุภัทโท

3/3/2024, 12:30:00 AM

หนังดัง…วันวาน The Sound of Music เป็นภาพยนตร์เพลงฮอลลีวูด ที่กำกับโดย Robert Wise แสดงนำโดยดาราสาว Julie Andrews และ Christopher Plummer ดัดแปลงมาจากละครเพลงในชื่อเดียวกัน เพลงทั้งหมดในละครเพลงเรื่องนี้ประพันธ์เนื้อร้องและทำนองโดย Richard Rodgers และ Oscar Hammerstein II สองผู้ยิ่งใหญ่ในวงการเพลงมิวสิคัล เจ้าของผลงานละครเพลงดังๆ มากมายในอดีต The Sound of Music เป็นเรื่องราวของมาเรีย หญิงสาวผู้เตรียมตัวบวชเป็นแม่ชี แต่ได้รับมอบหมายจากทางสำนักชีให้ไปทำหน้าที่พี่เลี้ยงให้กับเด็ก 7 คนที่วิลล่าในเมือง Salzburg ออสเตรีย เด็กๆ ที่มาเรียได้มาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนั้นเป็นลูกของพ่อม่ายหนุ่ม กัปตัน วอน แทรปป์ อดีตนายทหารเรือแห่งกองทัพออสเตรีย ผู้เคร่งครัดในวินัย และอบรมลูกๆ ทั้งชายและหญิงเหมือนพลทหารภายใต้การบังคับบัญชาของตนเอง มาเรียใช้ความรัก และเสียงเพลงในการดูแลเด็กๆ ทั้ง 7 คน จนเปลี่ยนพฤติกรรมให้กลายเป็นเด็กน่ารัก สุภาพ และอ่อนโยน เปลี่ยนบ้านที่บรรยากาศหนาวเหน็บและแห้งแล้ง ให้อบอุ่น อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ และเปลี่ยนเจ้าของบ้านที่แข็งกระด้างและเย็นชา ให้กลับมาเป็นหนุ่มใหญ่ที่หัวใจเต้นแรงด้วยความรักอีกครั้ง นอกจากบทที่สนุกสนานแล้ว ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือเพลงประกอบภาพยนตร์ หลายเพลงในภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดหูมาจนถึงทุกวันนี้ อาทิ Do-Re-Mi, Edelweiss, My Favorite Things รวมถึงเพลงชื่อเดียวกับชื่อเรื่อง นั่นคือ The Sound of Music The Sound of Music เข้าฉายในสหรัฐอเมริกาวันแรกในวันนี้ 2 มีนาคม เมื่อปี ค.ศ. 1965 หรือ พ.ศ. 2508 ของบ้านเรา กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในสหรัฐอเมริกาในปีนั้น และกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในปีถัดไป คว้ารางวัลออสการ์ในการประกวด Academy Awards ครั้งที่ 38 ในปี ค.ศ. 1965 มาถึง 5 รางวัล รวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยม เมื่อเข้าฉายในบ้านเรา…The Sound of Music ใช้ชื่อไทยว่า ‘มนตร์รักเพลงสวรรค์’ เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์กรุงเกษม ริมคลองผดุงกรุงเกษม และฉายอยู่นานหลายเดือนเลยทีเดียวกว่าจะลาโรง ปัจจุบัน…ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกจัดอันดับโดย American Film Institute หรือ AFI ให้อยู่ใน 100 ภาพยนตร์อเมริกันยอดเยี่ยมในรอบ 100 ปี เป็นลำดับที่ 55 #EatPrayLive #หนังดังวันวาน #มนตร์รักเพลงสวรรค์ #soundofmusic

3/2/2024, 12:00:00 PM

Good men finish last, they say. Good men finish first because they run their own race, my dad said. IQ (Integrity Quotient), Kindness, Loyalty, Excellence, and Lifelong Learning—key personal and professional values you have lived by and instilled in me. I have business mentors. But the most valuable lessons that brought me meaningful success came from a doctor and a teacher. I look up to a lot of successful people. But the person I consider my idol and my hero is my dad. Proud and blessed to have you as my dad 🙏🏼 Fun fact: Growing up, my dad and I would bond over newspaper and coffee. And since he’d always drink black, I forced myself to enjoy its bitter taste so I could be like him. To add to that, I started nail-biting because I wanted to “act” like him. That’s how much I idolize him. LOL Fact: Only 7 or 8 people in the 53 years of FEU-NRMF has been given such recognition. #IGotItFromMyPapa #CallHimMendi #RockabryChronicles #BMentality #EatPrayLive

3/2/2024, 4:44:27 AM

ฉบับปฐมฤกษ์ และแล้วก็ถึงคิวของนิตยสารหัวนอกเล่มแรกที่มาเปิดตัวในบ้านเรา นิตยสารเล่มนั้นก็คือ Cleo หรือ คลีโอ นิตยสารผู้หญิงหัวนอกจากออสเตรเลีย นิตยสาร Cleo Thailand เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท Hachette Filipacchi Post-ACP Ltd. อันเป็นการร่วมลงทุนกันระหว่างบริษัท Hachette Filipacchi Post Ltd. และ Australian Consolidated Press-PBI โดยมีบรรณาธิการท่านแรกคือคุณรัถยา ทองคงเย่า วางคอนเซ็ปท์ตามรอยของสาว Cleo คือ มองโลกในแง่ดี มีชีวิตชีวา ชอบความสนุกสนาน พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สนใจที่จะปรับปรุงและเพิ่มพูนเสน่ห์ให้กับตัวเอง โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายคือ วัยรุ่น นิสิต นักศึกษา และสาวน้อยในวัยทำงาน ‘ฉบับปฐมฤกษ์’ วางแผงในเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2540 ด้วยภาพปกนางแบบฝรั่งชื่อ Madison เนื้อหาด้านในแบ่งคอนเทนท์ออกเป็น 4 หมวดหมู่ใหญ่ๆ ได้แก่ Special Offer, Fashion Report, Good Looks and Health และ In Every Issue เป็นนิตยสารผู้หญิงเล่มแรกๆ ของเมืองไทย ที่กล้าพูดคุยกับคนอ่านอย่างเปิดเผยในเรื่องเกี่ยวกับเพศตรงข้ามและเซ็กส์ อย่างเช่นบทความ ‘หว่านเสน่ห์อย่างไรให้มีศิลป์’ และ ‘คุยลึกแบบไม่เครียดกับ 108 วิธีคุมกำเนิด พลาดไม่ได้!!’ ที่ปรากฏอยู่ใน ‘ฉบับปฐมฤกษ์’ สาวไทยให้การต้อนรับนิตยสาร Cleo Thailand กันอย่างอบอุ่น ด้วยแม่เหล็กที่นอกจากจะอยู่ที่เนื้อหาที่เข้าใจสาวทันสมัยแล้ว ยังเป็นนิตยสารผู้หญิงในไทยเล่มแรกที่ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างโหมกระหน่ำและต่อเนื่อง ด้วยของฟรี ของแถม ของรางวัลต่างๆ ในทุกๆ เดือน รวมถึงการทำกิจกรรมกับสาวคลีโอสัญชาติไทยในรูปแบบของอีเวนท์ อาทิ กิจกรรม Campus Tour ไปตามสถานศึกษา มหาวิทยาลัยต่างๆ และที่สร้างชื่อเสียง เป็นที่กล่าวขวัญถึง ทำให้นิตยสารนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง คือกิจกรรมประจำปีที่ถอดรูปแบบมาจากนิตยสารคลีโอ ออสเตรเลีย นั่นคือกิจกรรมที่ใช้ชื่อว่า Cleo’s 50 Most Eligible Bachelors Contest ที่เมื่อมาจัดในบ้านเรา กิจกรรมนี้ใช้ชื่อว่า ‘50 หนุ่มโสดในฝัน’ นิตยสาร Cleo Thailand และกิจกรรมนี้ดำเนินอย่างต่อเนื่องมาอีกหลายปี จนเมื่อมาถึงยุค Digital Disruption แน่นอนว่านิตยสาร Cleo Thailand พลอยได้รับผลกระทบนี้ จนต้องยุติการผลิตปิดตัวเองลง ตามนิตยสารทั้งหัวไทยและหัวนอกที่พากันล้มหายตายจากแผงนิตยสารกันระนาว แต่ปัจจุบัน…เรายังคงติดตามสาวคลีโอสัญชาติไทยคนนี้ได้ในโลกออนไลน์ ทั้งจากเว็บไซต์และสื่อโซเชียลอื่นๆ อย่างเฟซบุ๊ก ที่ยอดผู้ติดตาม…ไม่ขี้เหร่เลย #EatPrayLive #ฉบับปฐมฤกษ์ #นิตยสารหัวนอก #นิตยสารคลีโอไทยแลนด์ #CleoThailand

3/1/2024, 12:00:00 PM

ขอต้อนรับเข้าสู่เดือนมีนาคม จริงๆ แล้วฤดูร้อนในบ้านเราเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับปีนี้…เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาบอกกล่าวเอาไว้ แต่เราจะนึกถึงฤดูร้อนกัน ก็ต่อเมื่อย่างเข้าสู่เดือนมีนาคม ในวัยเด็ก…เดือนมีนาคมคือสวรรค์ดีๆ นี่เอง เดือนแห่งความสุขที่ถึงแม้จะมีสอบไล่ปลายปี แต่หลังจากนั้นเราก็จะเริ่มหยุดปิดเทอมใหญ่ ที่กินเวลาไปนานอีกหลายเดือน โตขึ้นมาอีกหน่อย…เริ่มสังเกตว่าฤดูร้อนในเดือนมีนาคมจะสวยกว่าใครๆ ด้วยสองข้างทางริมถนนทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้หน้าร้อน ไม่ว่าจะเป็นสีม่วงของศรีตรังหรือตะแบก สีเหลืองของราชพฤกษ์หรือคูน และสีส้มของหางนกยูง ทำให้บรรยากาศในเดือนนี้ ถึงแม้จะร้อนผ่าว แต่ก็สดชื่น สวยงามกว่าเคย เมื่อแก่ตัวลง…จะตื่นตาตื่นใจ และรอคอยกับการผลิบานในหน้าร้อนของดอกสีเหลืองๆ จากต้นเหลืองปรีดียาธร และสีชมพูของดอกชมพูพันธ์ุทิพย์ ที่บางคนถึงกับตั้งชื่อให้ว่าเป็นซากุระเมืองไทย โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ถึงกับมีตารางการบานของดอกชมพูพันธ์ุทิพย์ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ นอกจากการเบ่งบานของดอกไม้ในหน้าร้อนแล้ว มีอะไรดีๆ รอเราอยู่บ้างในเดือนนี้ สำหรับมนุษย์เงินเดือน ก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนที่ไม่มีวันหยุดพิเศษเลยสักวัน วันสำคัญในเดือนนี้ก็มีแต่วันแปลกๆ อย่างวันขอแต่งงาน ในวันที่ 20 มีนาคม วันลูกหมาแห่งชาติ ในวันที่ 23 มีนาคม และวันที่ 30 มีนาคม ที่เป็นวันไบโพลาร์โลก สำหรับนักอ่าน…มีข่าวคราวที่จะมาบอกคือ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะกลับมาอีกครั้ง เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม ลากยาวไปถึง 8 เมษายน ก่อนที่จะกระดี๊กระด๊า…ออกไปล่าหนังสือเล่มใหม่มาอ่านกัน อยากจะขอเตือนว่าให้เช็คกับ ‘กองดอง’ ของคุณให้ดีเสียก่อน จะได้ไม่ผลีผลามซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้ามาดองเพิ่มเติม ผ่านมาสองเดือนแล้วตั้งแต่ปีใหม่…เป็นสองเดือนที่ยังรู้สึกว่าปีใหม่อะไรๆ ก็ยังเหมือนเดิม อย่างเช่น ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ปัญหาค่าฝุ่น PM2.5 รวมถึงปัญหาของแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้หลายๆ คนเริ่มตื่นตระหนกว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจปากท้อง รายได้ของเราในอนาคตไม่ช้าก็เร็ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในเดือนนี้…ขอให้ใช้ชีวิตกันอย่างมีสติ ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ขออวยพรให้ทุกๆ วันของเดือนนี้เป็นเดือนที่ดีสำหรับทุกๆท่าน สุขสันต์เดือนมีนาคม #EatPrayLive #เดือนใหม่ #มีนาคม #march #ฤดูร้อน #ซัมเมอร์ #ชมพูพันธุ์ทิพย์ #เหลืองปรีดียาธร #ดอกไม้หน้าร้อน

3/1/2024, 12:30:00 AM

รู้ไว้…เถิดน่า ปี 2020 ถือเป็น Leap Year หรือปีอธิกสุรทิน คือปีที่มี 366 วัน ซึ่งจะเวียนมาทุกๆ 4 ปี โดยวันที่เพิ่มขึ้นมา 1 วัน คือวันที่ 29 กุมภาพันธ์ แล้ว Leap Year เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมวันในแต่ละปีถึงไม่เท่ากัน? โลกเคลื่อนที่ไปรอบดวงอาทิตย์ด้วยอัตราความเร็ว 30 กิโลเมตร ต่อวินาที และต้องใช้เวลารวมทั้งสิ้น 365 วันหรือ 1 ปี ซึ่งเรียกว่าปีปกติสุรทิน (Common Year) แต่ระยะเวลาจริงๆ นั้น ไม่ใช่ 365 วันพอดีเป๊ะ แต่เป็น 365 วัน 6 ชั่วโมง 9 นาที หรือ 365.2524 วัน ดังนั้นส่วนที่เกินมา .25 วัน จึงถูกนำมานับรวมให้ทุกๆ 4 ปี มีวันเพิ่มขึ้นมา 1 วัน แทน .25 วันที่หายไปในแต่ละปี เพื่อให้การนับสอดคล้องกับตำแหน่งปรากฏของดวงอาทิตย์ โดยวันดังกล่าวถูกเพิ่มเข้าไปในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่ 29 กุมภาพันธ์ (Leap Day) หากเท้าความกลับไปตั้งแต่ 800 ปีก่อนคริสต์ศักราช ปฏิทินที่ชาวโรมันใช้ในตอนนั้นมี 10 เดือน โดยให้เดือนมีนาคมเป็นเดือนแรก และเดือนธันวาคมเป็นเดือนสุดท้าย รวมทั้งหมด 304 วัน แต่เมื่อปฏิทินโรมันนี้ถูกใช้ไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าฤดูกาลเริ่มไม่ตรงตามปฏิทิน พอมาในสมัยกษัตริย์นูมา ปอมปิเลียส (Numa Pompilius) ราว 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช ได้มีการกำหนดเพิ่มเดือนเข้าไปอีก 2 เดือน คือเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ กระทั่งในสมัยกษัตริย์จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) 45 ปีก่อนคริสต์ศักราช จึงมีการปรับจำนวนวันในแต่ละเดือนเสียใหม่ โดยให้เดือนมีนาคมมี 31 วัน และเดือนต่อๆ ไปมี 30 วัน สลับกันไปเรื่อยๆ จนมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่นับเป็นเดือนสุดท้ายซึ่งมี 29 วัน รวมเป็น 365 วัน แต่ถ้าปีไหนเป็นปีอธิกสุรทินซึ่งมี 366 วัน เดือนกุมภาพันธ์จะมี 30 วัน โดยเรียกปฏิทินนี้ว่า ‘ปฏิทินจูเลียน’ (Julian Calendar) ต่อมากษัตริย์ออกัสตุส ซีซาร์ (Augustus Caesar) บุตรบุญธรรมของจูเลียส ซีซาร์ ต้องการให้มีชื่อตัวเองในปฏิทินด้วย จึงเปลี่ยนชื่อเดือนสิงหาคมจากเซกติลิส (Sextillis) ให้เป็นออกัส (August) และเพิ่มให้เดือนนี้มี 31 วันเท่ากับเดือนของบิดาบุญธรรม (July) โดยลดเดือนกุมภาพันธ์ให้เหลือเพียง 28 วันในปีปกติสุรทิน และ 29 วันในปีอธิกสุรทินนั่นเอง #EatPrayLive #รู้ไว้เถิดน่า #เดือนกุมภาพันธ์ #29วัน #29กุมภาพันธ์ #ปีอธิกสุรทิน

2/29/2024, 12:00:00 PM

ฉบับสุดท้าย นิตยสารลลนา เป็นตำนานของนิตยสารผู้หญิงอีกเล่มหนึ่งของเมืองไทย ที่ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึงมาจนถึงทุกวันนี้ นิตยสารลลนาฉบับปฐมฤกษ์ ออกมาอวดโฉมเป็นครั้งแรกในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2516 ในราคา 7.50 บาท นิตยสารลลนาในยุคแรกนำทัพโดยนักเขียนสตรีที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วในตอนนั้น คือ ’สุวรรณี สุคนธา’ หรือคุณสุวรรณี สุคนธ์เที่ยง สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการนิตยสารผู้หญิงด้วยรูปลักษณ์หน้าตาและเนื้อหาที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัยเกินหน้าเกินตากว่าใคร นิตยสารลลนาค่อยๆ เติบโตขึ้นมาเป็นสาวน้อยเสน่ห์แรงสวยสะพรั่ง มีแฟนคนอ่านทั้งชายและหญิง ความโดดเด่นและแปลกใหม่ของนิตยสารลลนา เข้มข้นขึ้น และจัดจ้านขึ้นตามวันและเวลาที่ผ่านไป แต่แล้วก็เหมือนสายฟ้าฟาด…เมื่อบรรณาธิการและผู้เป็นเจ้าของ คือคุณสุวรรณี สุคนธ์เที่ยง ได้จากไปอย่างกระทันหัน ด้วยเหตุโหดร้ายเกินกว่าใครจะคาดคิด เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2527 ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการแทน คือคุณนันทวัน หยุ่น และในยุคนี้เอง…ที่มีการโอนกิจการให้ไปอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท เนชั่น พับลิชชิ่ง กรุ๊ป ในปี พ.ศ. 2529 ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้มีการเปลี่ยนบรรณาธิการบริหารมาเป็นคุณสมถวิล จรรยาวงษ์ ในช่วงหลังนี้เองที่นิตยสารเริ่มบิดเบือนอัตลักษณ์รวมไปถึงเอกลักษณ์ของความเป็น ’ลลนา’ ตามความตั้งใจเดิมของผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการคนแรก ทายาทของคุณสุวรรณี สุคนธ์เที่ยง จึงได้ตัดสินใจขอหัวนิตยสารคืน เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของนิตยสารลลนาในอดีตให้คงอยู่ในความทรงจำของนักอ่านตลอดไป นิตยสารลลนาเล่มสุดท้าย ซึ่งเวลานั้นมีราคาเล่มละ 60 บาท จึงต้องยุติการผลิต อำลาจากแผงนิตยสารไทยไปในฉบับที่ 531 ปักษ์หลัง 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 โดยมีคุณเบิร์ด พิทยา ณ ระนอง นายแบบและพระเอกหนุ่มฮอตในยุคนั้น ขึ้นปกอำลาแฟนๆ นิตยสารลลนาโลดแล่นอยู่บนแผงหนังสือนานถึง 22 ปี และถึงแม้ว่าวันนี้…นิตยสารลลนาจะห่างหายไปจากสายตาของนักอ่านมานานถึง 28 ปีแล้วก็ตาม แต่ชื่อของนิตยสารลลนา ยังคงเป็นที่จดจำ และเป็นเสมือนเพื่อนที่ยังคงอยู่ในใจของใครหลายๆคนมาจนถึงทุกวันนี้ #EatPrayLive #ฉบับสุดท้าย #นิตยสารแฟชั่น #นิตยสารผู้หญิง #นิตยสาร #แมกกาซีน #แม็กกาซีน #สื่อสิ่งพิมพ์ #อดีต #วันวาน #นิตยสารเก่า #นิตยสารลลนา #ลลนา #สุวรรณีสุคนธา #พศ2538#

2/28/2024, 12:00:00 PM

นิตยสาร…วันวาน ในสมัยที่คนยังนิยมอ่านแม็กกาซีนหรือนิตยสารกันนั้น นิตยสารหมวดหนึ่งที่ขายดีไม่แพ้หมวดอื่นๆ คือท่องเที่ยวและเดินทาง นิตยสารประเภทท่องเที่ยวและเดินทางเริ่มบูมจริงๆ เมื่อประมาณยี่สิบกว่าปีที่แล้ว เริ่มจากนิตยสารเพื่อนเดินทาง ก่อนจะตามมาด้วย Honeymoon + Travel และนิตยสารหัวนอกอย่าง Travel and Leisure และ Lonely Planet Traveller ฉบับแปลเป็นไทย ที่ในปัจจุบันนี้ปิดกระเป๋าเดินทาง ยุติการผลิตกันไปหมดแล้ว คงเหลือแต่ Travel and Leisure ฉบับภาษาอังกฤษอยู่เพียงเล่มเดียว ไหนๆ เราก็กำลังอยู่ในเดือนแห่งความรัก เลยจะพาไปรำลึกถึงนิตยสารท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับคู่รัก ในชื่อ Honeymoon + Travel กันอีกสักครั้ง Honeymoon + Travel เป็นนิตยสารท่องเที่ยวที่มีคอนเซ็ปท์ที่แตกต่างจากฉบับอื่นๆ ในสมัยนั้น ด้วยการอิงการท่องเที่ยวกับไลฟ์สไตล์ของคู่รัก นั่นคือการเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ หรือฮันนีมูน ทุกฉบับจึงสร้างความฮือฮาด้วยภาพปกและแฟชั่นเซ็ตข้างในของคู่รักดาราหรือนางแบบในตอนนั้น ที่ปัจจุบันแทบจะร้างลากันไปหมดแล้ว เป็นนิตยสารที่มีหัวหนังสือออกแบบเอาไว้อย่างสวยงาม มีการจัดรูปแบบภายในเล่มที่ดูสวย ทันสมัยกว่าเล่มอื่นๆ นอกจากหน้าปกและแฟชั่นเซ็ตในเล่มแล้ว คอลัมน์อื่นๆ ของ Honeymoon + Travel ยังอิงกับคู่รัก ฮันนีมูน และการแต่งงาน อาทิ คอลัมน์ Honeymoon Traveller ที่เชิญคู่แต่งงานมาเล่าเรื่องฮันนีมูนของคู่ตัวเอง Love Story คอลัมน์สัมภาษณ์ชีวิตคู่ของสามี ภรรยา และคอลัมน์ In Memory ที่เซเล็บหรือคนดังมาแชร์ประสบการณ์ในวันงานแต่งงานของตัวเอง Honeymoon + Travel ถือกำเนิดในปี ค.ศ. 2002 วางจำหน่ายในราคา 85 บาท โดยมีคุณดาว รักเผ่าพันธุ์ รับบทเป็นบรรณาธิการบริหาร หรือ Editor in Chief ก่อนที่จะมีการปรับปรุงโฉมใหม่ ภายใต้การดำเนินงานของบรรณาธิการคนใหม่ คุณอินทุกานต์ คชเสนี สิริสันต์ ในปี ค.ศ. 2007 ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นคุณอนิวรรณ อรุโณรัตน์ อีกครั้งในภายหลัง Honeymoon + Travel เป็นนิตยสารอีกหนึ่งฉบับที่ไม่รอดพ้นมรสุมในวงการสิ่งพิมพ์บ้านเรา หายไปจากแผงอย่างเงียบๆ เมื่อประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมา ปิดตำนานนิตยสารท่องเที่ยวและเดินทาง จัดกระเป๋าหลีกทางให้กับบลอกเกอร์และยูทูบเบอร์ที่มาแรงแซงโค้งอยู่ในสื่อโลกโซเชียลในตอนนี้แทน #EatPrayLive #นิตยสาร #ท่องเที่ยว #เดินทาง #ไลฟ์สไตล์ #honeymoonandtravel

2/26/2024, 12:00:00 PM

Just a little appreciation post for this guy. Tim you are an amazing dad, business partner, partner in life, and friend. I love watching these little us-es become real people and with you as their dad they’re gonna be awesome. We love you. 💖 . . . #themurrays #bestdadever #mypeople #eatpraylive

2/26/2024, 1:16:35 AM

But first coffee ☕️ — #daily #일상 #coffee #pourover

2/17/2024, 10:57:19 PM